โอ้ ! อัศจรรย์เหลือเชื่อ.....นี่หรืออินเดีย (ตอนจบ)

โอ้ ! อัศจรรย์เหลือเชื่อ.....นี่หรืออินเดีย (ตอนจบ)

โอ้ ! อัศจรรย์เหลือเชื่อ.....นี่หรืออินเดีย (ตอนจบ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โอ้ ! อัศจรรย์เหลือเชื่อ.....นี่หรืออินเดีย (ตอนจบ) ( Incredible India ) ออนไลน์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2550

คุณพ่อ  นิคม  วุฒิกานากร ... ผู้ร่วมเรียบเรียง ตรวจทานความถูกต้อง และข้อมูลเชิงพุทธโดยละเอียด 

ณัฐภณ  วุฒิกานากร  (เอ บ้านผางาม) ผู้เขียน / ภาพ

        แค่สามวันแรกก็มีอะไรให้พูดถึงอินเดียได้ไม่รู้จบแล้วครับ  มาต่อกันในส่วนของการทำหน้าที่ของพุทธมามกะที่ดีบ้างดีกว่า นั่นก็คือ การได้ไปเยี่ยมตามสังเวชนียสถานทั้งหลาย และวัดไทยในดินแดนชมภูทวีป   ซึ่งต้องเห็นใจคณะสงฆ์ที่มาทำการเผยแผ่ ในการจะธำรงรักษาพุทธศาสนาที่นี่จริงๆ ครับ 

    ในประเทศที่มีประชากรนับถือฮินดู และอิสลามเกือบทั้งประเทศ  มีผู้นับถือศาสนาพุทธเพียงไม่ถึง 5 %   พระที่นี่จึงต้องทำภาระกิจทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน เช่น  วางแผนก่อสร้างทั้งวัด และโรงพยาบาล เพื่อการรักษาเกือบฟรีกับคนในท้องที่  เพื่อเป็นการสร้างความยอมรับด้วยการเป็นผู้ให้ก่อน , เป็นมัคคุเทศน์ทางธรรม,รับกิจนิมนต์โดยต้องจ่ายค่าออกนิมนต์อีกด้วยให้กับเจ้าบ้าน (เป็นธรรมเนียมของชาวอินเดียน่ะครับ),ฯลฯ  

    จะเห็นได้ว่าต้องมีศรัทธาตั้งมั่นจริงๆ จึงจะอยู่ที่อินเดียได้  การไปส่วนใหญ่ของเราก็ได้ไปเยี่ยมเยียน และร่วมทำบุญให้กับวัดไทย  เช่น วัดไทยกุสินาราเฉลิมราษฎร์, วัดไทยศิริราชคฤห์, วัดไทยลุมพินี   เพื่อเป็นกองทุนสนับสนุนในงานเผยแพร่พุทธศาสนาต่อไป   การทำบุญแบบนี้  ส่วนตัวผมมีความสุขใจ และคิดว่าตรงกับบุคคลที่มีความต้องการ และได้ใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ จริงๆ  

สารนาถ กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี นิวเดลลี         เส้นทางตามรอยสังเวชนียสถานมีมากมาย ทั้งสถานที่และเรื่องราว  ผมขอกระชับในหลายสถานที่ที่ผมประทับใจไว้สั้นๆนะครับ  เช่น

       สารนาถ : เป็นที่ประดิษฐาน คันธกุฎี ของพระพุทธองค์  ซึ่งเมื่อครั้งแรกที่ผมมาเห็นปุ๊บ  เกิดอาการหูชา ตาพร่าเลยครับ แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุดเลย  จนกระทั่งออกจากเมืองนี้  ความรู้สึกเหมือนกับว่า  เราเคยมาอยู่ที่ตรงนี้  เคยได้ยินคำพูดเหล่านี้  ที่นี่ไม่วุ่นวายหนอ  ที่นี่มีความสงบ  เป็นปรากฎการณ์ที่ประหลาด และเกิดขึ้นเฉพาะคนครับ  ณ ที่แห่งนี้  ผมได้ปวารณาตัวไว้ว่า จะขอเกิดเป็นชาวพุทธ  อยู่ในแดนพุทธภูมิ (ที่นับถือศาสนาพุทธ ) นับถือศาสนาพุทธทุกชาติ  จนกว่าจะมุ่งถึงพระนิพพาน  

        ที่เมืองสารนาถยังมีสถูปเจาคันธี  ซึ่งเป็นที่ระลึกถึงการเกิดพระรัตนตรัยเป็นครั้งแรก  นั่นคือ กำเนิดพระสงฆ์องค์แรก หรือ พระอัญญาโกญทัญญะ  เหล่าอริยะบุคคลที่ดำรงตนให้เหมาะสมแก่การกราบไหว้ และเป็นกองทัพธรรมที่ช่วยสืบต่อพระศาสนาของเรา  ความยิ่งใหญ่ของสถูป  เหมือนจะบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของพระสงฆ์ที่มีต่อพระพุทธศาสนา  

        ณ ที่นี่  เราได้มีโอกาสสวดมนต์เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง  เรามีเวลาเพียงพอ เนื่องจากมาเป็นหมู่คณะที่ไม่ใหญ่มาก   อาจจะรู้สึกปวดเมื่อยบ้าง  แต่ไม่ได้รู้สึกว่ารำคาญ หรือ อยากใช้เวลาให้สั้นลง  คงเป็นเพราะความอิ่มใจจากการได้มาทำกุศลในที่ๆ สมควรมานั่นเอง  จึงมีคำกล่าวไว้ว่า แดนพุทธภูมิ เป็นแดนที่ศักดิ์สิทธิ์  ทำให้เราห่างไกลจากกิเลส  ความว้าวุ่น สิ่งเร้าดึงดูดใจ   เป็นโอกาสจูงใจให้เรารักษาศีลได้เป็นอย่างดี

        กุสินารา  :  ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปปางปรินิพพาน  มีความแตกต่างจากปางไสยาสน์ตรงที่พระหัตถ์ของพระพุทธองค์จะไม่ทรงชันพระเศียรตั้งขึ้น  แต่จะแผ่ราบลงกับพื้น  ราวกับว่า  เข้าสู่ช่วงพระพุทธองค์ทรงทอดร่างวางขันธ์ดับ  มุ่งสู่มหาปรินิพพาน  ให้อดรู้สึกว่าทรงตรากตรำเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนมายาวนาน และพักอย่างสงบ ณ ที่แห่งนี้  พุทธศาสนิกชนทุกชาติที่มาเยี่ยม ณ จุดนี้ จึงอดจะร้องไห้ไม่ได้  และมีความเชื่อว่า  ใครที่มีเรื่องร้อนใจ หรืออยากจะขอสิ่งใด (อันเป็นกุศลจิต)  ขอให้ตั้งมั่น  และมากราบขอที่ปลายพระพุทธบาท  ก็จะสัมฤทธิ์ผล

        ลุมพินี  :  เราต้องเดินทางมาไกลสุดถึงประเทศเนปาล   เพื่อมาเคารพสถานที่ประสูติ ของพุทธองค์  ที่ซึ่งสิทถัตธะกุมาร ได้ก้าวเดิน 7 ก้าว และกล่าววาจาอมตะไว้ว่า เราจะเป็นหนึ่งในแผ่นดิน  จะไม่มีการกำเนิดในชาติอื่นอีกแล้ว เป็นที่มาของพุทธรูปปางที่แปลก และน่ารักที่สุด  จัดสร้างขึ้นโดยวัดไทยลุมพินี  เพื่อให้พุทธศาสนาได้มีโอกาสเข้าถึงคนรุ่นเยาว์  นั่นคือ Baby Buddha 

 

        ซึ่งท่านเจ้าคุณได้ให้ข้อคิดชีวิตที่ดีว่า มือที่ชี้ขึ้น บอกให้เรามุ่งมั่นอย่าท้อถอยเมื่อยามลำบาก  มือที่ชี้ลงดอกบัว  บอกให้เราอย่าลืมจุดยืนของเรา เมื่อเราเติบใหญ่   ภายในอาคารมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ  คือ แผ่นหินที่สันนิษฐานว่า เป็นรอยเท้าของสิทธัตถะกุมาร  และรูปปั้นหินที่เป็นภาพพระนางสิริมหามายา  ที่ทรงเหนี่ยวกิ่งไม้   เพื่อให้กำเนิดศาสดาเอกแห่งโลก ณ ที่นี้  

 

        สาวัตถี  :  ปิดท้ายการเดินทางที่ต้องออกนอกเส้นทางมาไกลสุด  ด้วยสถานที่แห่งนี้  พระพุทธองค์ได้ทรงใช้เวลาพำนักที่นานที่สุด ถึง 29 พรรษา   และแสดงให้เห็นถึงการจัดการบริหารในเชิงพุทธ  ที่ทำให้เราอดทึ่งไม่ได้ว่า  มีการบริหารที่เหนือการเวลาจริงๆ  ไม่ว่าจะเป็น  ระบบการตัดสิน และชำระคดีความทางสงฆ์, การวางผังของของกุฏิพระสาวกแต่ละองค์  เช่น พระสารีบุตรผู้เลิศทางปัญญาไว้เบื้องหน้า เพื่อต้อนรับผู้มีปัญหา และอยากจะเข้าพบพุทธองค์   และพระโมคคัลานะผู้เลิศทางอิทธิฤทธิ์ให้ใกล้กับพระองค์คุลีมาล, การจัดอาสนะ สำหรับวางตำแหน่งพระอรหันต์ทั้ง 9 รูป เหมือนการจัดองค์ประชุม,ฯลฯ  สุดท้ายจึงได้มาทำการเคารพสักการะ  คันธกุฎี องค์สุดท้ายของพระพุทธเจ้า  ได้สวดมนต์เพื่อความสงบแห่งจิต  และสักการะศรีมหาโพธิ์ที่มาจากหน่อจริงจากต้นโพธิ์ที่พุทธองค์ทรงตรัสรู้  (ศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา เป็นหน่อรุ่นที่ 4 )

 

        นิวเดลลี  :  ไฮไลท์สุดท้ายของเราอยู่ที่  การได้เข้ามาเยี่ยมชมที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ  และกราบสักการะ ต่อเบื้องหน้าพระบรมสารีริกธาตุแท้ ของพระพุทธเจ้า  เปรียบเหมือนได้สักการะพระพุทธองค์จริงๆ  ซึ่งผมได้เก็บภาพมาฝากให้กับทุกคนได้ชมร่วมกัน  โดยปกติเราจะได้เห็นแค่ในผอบ หรือในที่ประดิษฐาน ไม่ได้เห็นถึงพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ภายใน  ซึ่งของจริงที่เก็บรักษาไว้มีถึงประมาณ 19 ชิ้น  (ถ้าผมนับไม่ผิดจากในภาพที่แสดง  เพราะของจริงบางส่วน เขาเอาไปจัดแสดงในต่างประเทศอยู่ครับ )  ไม่สงวนลิขสิทธิ์ภาพ  ทั้งยังอยากให้คนไทยได้มีโอกาสเห็น และเผยแพร่กันเยอะๆ เลยครับ  ภาพขนาด Size จริง สามารถ download ได้จาก link ใน travel.sanook.com ให้ไว้ได้เลยครับ   ( รบกวนฝากคุณนุทำ Link ไว้ก็ได้ครับ)  (นุ : Ok คลิกที่นี่เลยครับ Down Load ภาพพระบรมสารีริกธาตุ 5 ภาพ)

 

         ประวัติความเป็นมา (โดยคุณนิคม) : พระบรมสารีริกธาตุแท้ของพระพุทธเจ้า  ถูกขุดค้นพบขึ้นที่เมืองกบิลพัสดุ์ โดยด็อกเตอร์คันนิ่งแฮม ส่วนหนึ่งส่งมาถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ร. 5 ของชาวไทย   ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในโลกที่นับถือพระพุทธศาสนา ณ ขณะเวลานั้น  โดยจะประดิษฐานอยู่บนยอดภูเขาทอง, ที่เบื้องขวาพระแก้วมรกต  และเป็นของส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  พระราชทานคืนประเทศอินเดีย  สถิตย์ ณ มหาเจดีย์ วัดไทยกุสินาราฉลิมราชย์  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงถวายเส้นพระเกศา บูชาอยู่เบื้องใต้พระบรมสารีริกธาตุนี้  ผู้ที่สนใจสามารถสักการะบูชาตามโอกาส และสถานที่ดังกล่าวเลยนะครับ

         ในวันเดินทางกลับมีอุปสรรคเล็กน้อย  n class="style1">คือ เมื่อถึงสนามบินนิวเดลลี เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับสู่กรุงเทพฯ  สภาพอากาศไม่อำนวยเพราะหมอกลงหนาจัด  ทำให้เราต้องดีเลย์รอเครื่องบินตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่ง จนถึงตีหนึ่งครึ่ง  คาดว่าอินเดียคงจะอาลัยเรา  เลยอยากจะให้อยู่ต่อนานขึ้นอีกสักนิด

        สิ่งที่ผมได้ค้นพบหลังจากกลับมา  นั่นคือ   ความสุขของผม  เริ่มต้นจากการได้เดินทางไปในที่ต่างๆ  เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ มากมาย   และมีความสุขมากขึ้นอีกหลายเท่า    เมื่อได้กลับมาดูภาพถ่าย   ย้อนนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น  ร้อยเรียงเป็นถ้อยคำในบันทึกการเดินทางที่ทุกท่านกำลังได้อ่านขณะนี้   

          ก่อนการไปเที่ยวทุกครั้ง   ลองดูซิครับ  ติดไดอารี่เล่มเล็ก หรือกล้องถ่ายรูปติดตัวไปด้วย    บันทึกทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้  ( แต่อย่าลืมหาความสุขตามรายทางด้วยนะครับ )  เมื่อได้ย้อนกลับมาเปิดความทรงจำในลิ้นชักเหล่านี้อีกครั้ง   จะสัมผัสได้ถึงความสุขใจในรูปแบบใหม่  กับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์  ซึ่งเน้นการเรียนรู้รอบข้างและปรับตัวเข้าหาสิ่งเหล่านั้น  มองในสิ่งที่เป็น  ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลง

 

          การเดินทางของผมมาถึง ณ จุดนี้  คงยังไม่สิ้นสุดแน่นอนครับ  การเดินทางในความคิดของผม ก็ยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ   เมื่อเวลาผ่านไป  มุมมองของเราต่อสิ่งเดิมย่อมต้องเปลี่ยน หากได้มาเยือนอีกครั้ง  ผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีอะไรรอผมอยู่ .... ไม่มีทางรู้ได้เลยครับ    ในแดนปริศนานิรันดร์กาลของผมแห่งนี้     โอ้....อัศจรรย์เหลือเชื่อ .... นี่หรือ ...อินเดีย

มรรค8 ของนักเดินทาง

1.             ไปอย่างฝรั่ง                            รู้จัก  วางแผน 2.             ใช้สตางค์แบบญี่ปุ่น                 รู้จัก  การใช้จ่าย 3.             มีทุนแบบไทยๆ                       รู้จัก  หาทุนให้พอ 4.             ทำใจแบบทิเบต                       รู้จัก  ข่มใจให้ดี 5.             สังเกตแบบจีน                         รู้จัก  การบันทึก 6.             กินแบบแขก                             รู้จัก  ประมาณในการบริโภค 7.             บุกแหลกแบบพระธุดงค์           รู้จัก  จัดสัมภาระให้น้อย 8.             มั่นคงดุจองค์อรหันต์               รู้จัก  บากบั่นสู่เป้าหมาย

 (นิเทศน์ธรรมโดย  พระอมตานันทะ  บรรยายที่นครโกสัมพี  2540 )

 

 

 โอ้ ! อัศจรรย์เหลือเชื่อ.....นี่หรืออินเดีย (ตอนที่ 1)

" เอ บ้านผางาม " 

 เรื่องท่องเที่ยวสนุกๆ จากคุณ เอ บ้านผางาม 7 วัน ตะลุยอลาสก้า...พรมแดนสุดท้ายแห่งโลกธรรมชาติ (ตอนจบ) 7 วัน ตะลุยอลาสก้า...พรมแดนสุดท้ายแห่งโลกธรรมชาติ (ตอนที่1) บ้านผางาม บ้านผางาม รีสอร์ท ภาคแรก (โรยตัวน้ำตกเวฬุวัน)  

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook