แสงเล็กๆ สีสันแห่งราตรี

  ช่วงนี้ฟ้าฝนดูจะทำหน้าที่ของฤดูกาลได้อย่างไม่ (ขาดตก) บกพร่อง ความเปียกปอนเกิดได้ทั้งเช้า กลางวัน  เย็น ทำให้บางคนที่ปรับตัวไม่ทันต้องล้มป่วยไม่สบาย ผมคนนึงแหละที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ความจำยอมของใจและจำนนของร่างกาย ทำให้ตัวเองต้องขนานแนวราบกับโลกวันละหลายชั่วโมง

  สำหรับนักเดินทางหลายคน อาจบ่นพึมพำ เพราะไม่มีที่ไป คิดจะขึ้นดอยปีนป่ายเขา เพื่อนอนกางเต้น ก็อาจจะต้องเจอกับสายฝนกระหน่ำ บ้างก็ผวาเรื่องน้ำป่าไหลหลาก คิดจะไปทะเลหรือ...ก็กลัวมรสุม การหยุดเฉยอาจทำให้นักเดินทางบางคนครั่นเนื้อครั่นตัวนั่งนอนเบื่ออยู่บ้านในวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์

  ผมได้รับการเชื้อเชิญจาก คุณ นที ผู้จัดการดูแลในส่วนกิจกรรมของภูแก้ว ให้ขึ้นไปดู...หิ่งห้อย ณ ภูแก้วรีสอร์ท หลายคนไม่แปลกใจหรือตื่นเต้นกับปรากฎการทางธรรมชาติ แต่สำหรับบางคนที่ชื่นชอบมนต์เสนห์แห่งขุนเขาและองค์ประกอบของแสงเล็กๆจึงพลาดไม่ได้ที่จะต้องเดินทางมาเพื่อผ่านพบเจอะเจอ

ขณะเดินทางอากาศภายในรถดูหนาวเย็นกว่าปกติ ขนาดปรับแอร์ให้อยู่ระดับต่ำมองออกไปข้างนอกสายฝนยังคงให้ความชุ่มฉ่ำตลอดเส้นการเดินทาง ต้นไม้ใบหญ้าดูเริงร่า เพราะน้ำและลมจากฟ้า ให้ท่วงทำนองเป็นจังหวะเกิดอิสระลีลาการเคลื่อนไหวอย่างธรรมชาติ

  ภูแก้วรีสอร์ท เป็นสถานที่ๆ ถูกล้อมโอบไปด้วยขุนเขา ความสูงจากระดับน้ำทะเล ทำให้เรามองเห็นวิวทิวทัศน์ ได้เกือบทุกมุม ฟ้าหลังฝนทำให้ทุกอย่างรอบข้างดูเด่นชัดขึ้น

ใครที่เคยมีโอกาสมาเยือนเพชรบูรณ์สัมผัสกับลมหนาว คงจะนึกออกว่าลมหายใจเข้าออกสดชื่นของอากาศที่นี้ ถึงขนาดมีการเปรียบเทียบให้เป็น สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย

ผมมีเวลา 2-3 ชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลานัดหมายระหว่างหิ่งห้อยแมลงตัวเล็กๆที่มีแสงในตัว กับผมผู้ดั้นด้นเพื่อค้นหา คุณนที คั่นจังหวะการรอคอยด้วยกิจกรรมเรียกความกล้า ภูแก้ว Adventure Park ที่นี้มีกิจกรรมสร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวหลากหลายรูปแบบ

หลายฐานถูกปฎิเสธจากผู้ที่เพียงแค่พบเห็น หลายฐานถูกพิชิตด้วยความห้าวหาญของบางคนวันละหลายๆรอบ สำหรับผมการยืนให้กำลังใจดูจะเป็นสิ่งที่ถนัดมากสุด ด้วยเพราะว่าผมถูกจำแนกให้อยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่า พวกกลัวความสูง ใครที่ชอบกิจกรรมแบบท้าทายพลาดไม่ได้ต้องมาลอง

หลังจากเก็บสัมภาระและทำธุระส่วนตัว ที่บ้านพักแบบใหม่ cliff cabin ของภูแก้วรีสอร์ท ด้วยรูปแบบการตกแต่งสบายๆ อบอุ่น ดูเป็นที่พักอีกแบบและแปลกใหม่แห่งการพักผ่อน โดยดัดแปลงจากบ้านชาวเขา ตั้งอยู่บนเนินเด่นยามมองขึ้นมาและสบายตาด้วยวิวที่กว้างจากมุมสูง ลาดเรียบด้วยหญ้าเขียวขจี แซมด้วยถั่วบราชิลพืชตระกูลถั่ว บานแย้มออกดอกสีเหลืองเต็มพื้นหญ้าสีเขียว

แสงตะวันค่อยๆหรี่ลง ไม่นานนักความสว่างถูกแทนที่ด้วยความมืดแห่งรัตติกาล คืนนี้ท้องฟ้าดูมีสีสัน ปราศจากม่านเมฆหมอก พาผมเพลินเมื่อแหงนมองไปยังลำแสงที่ปรากฏยามราตรี...ทำให้นึกถึงคำพูดที่ว่า ถ้ามาเขาค้อ อย่ามาคนเดียว หรือีกนัยหนึ่งคือ ดีที่สุดเมื่อเราได้อยู่ด้วยกัน...

เวลานัดพบถูกกำหนดในช่วงหนึ่งทุ่ม

  คุณ นที เล่าให้ฟังว่า เหตุที่พบว่ามีฝูงหิ่งห้อยนั้นคือ ตอนที่ขึ้นไปยังฝายชลอกั้นน้ำ เพื่อทำการลอกเศษหญ้าอุดทางน้ำไหล แต่พอมองไปรอบๆกลับพบฝูงหิ่งห้อยจำนวนมาก บินอยู่ทั่วบริเวณนั้น ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความตื่นเต้น จริงๆแล้วการอยู่รอดของแมลงอย่างหิ่งห้อยนี้ต้องอาศัยปัจจัยที่สำคัญทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก

เนื่องจากถ้าระบบนิเวศหรือสภาพแวดล้อมถูกปนเปื้อนไปด้วยสิ่งแปลกปลอม หิ่งห้อยก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ปรากฏการทางธรรมชาตินี้มิใช่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมีฝูงหิ่งห้อยจำนวนมากอาศัยอยู่บริเวณนี้ แต่เนื่องจากตอนนั้นสภาพแวดล้อมถูกทำลายจึงส่งผลให้ หิ่งห้อยต้องสูญหายไป

การเดินทางเริ่มขึ้นพร้อมความตื้นเต้นที่จะได้พบฝูงแมลงเรืองแสง สองข้างทางดูมืดสนิท มีเพียงไฟหน้าของพาหนะนำทาง ส่องเพื่อให้รถนำเราไปสู่จุดหมาย....วิ่งได้สักระยะจึงหยุดให้เราได้มีโอกาสใช้สายตาเพ่งไปในความมืด  เมื่อไฟหน้ารถถูกปิดลง สายตาคนเราก็จะปรับให้เข้ากับบรรยากาศของราตรี มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออก ที่ได้ยินปนเสียงหรีดเรไร ผมตัดสินใจเดินเพราะต้องการมองหาแสงแมลงหิ่งห้อยเล็กๆในความมืด

ไม่นานสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า คือ วูปแสงจุดเล็กๆ หลายๆจุด แสงที่ว่าเกิดจากหิ่งห้อย ที่ส่งสัญญาณเพื่อการผสมพันธุ์และสื่อสารซึ่งกันและกัน  ระยะการเดินถูกกำหนดด้วยจังหวะอย่างช้าๆ ทางที่ลาดชันถูกไต่ด้วยสองเท้า คืนนี้ท้องฟ้าโปร่งทำให้แสงของดวงจันทร์ส่องลงมา โดยมิให้ความมืดปกคลุมได้สนิท

 แสงจากหิ่งห้อยยังคงพบตลอดเส้นทางเดิน บ้างบินเดี่ยวๆ บ้างเป็นกลุ่มที่ละหลายๆตัว กลายเป็นสีสันยามราตรี เป็นกิจกรรมยามค่ำคืน เป็นแสงเล็กๆในความมืด นอกจากความเพลิดเพลินในค่ำคืนนี้ที่มีนักแสดงเป็นแมลงตัวเล็ก สิ่งสำคัญที่น่ายินดีคือธรรมชาติกำลังกลับคืนมาทุกอย่างจะยังคงอยู่ หากเราทุกคนช่วยกันรักษาและไม่ทำลาย

ผมเดินถึงที่หมายตรงจุดที่รถรอรับ แต่ก่อนจะกลับกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมายัง ภูแก้วรีสอร์ท นั้นคือ กิจกรรมดูดาว ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าวันนี้โชคดีท้องฟ้ามีเมฆน้อย โดยส่วนตัวผมไม่เคยมีโอกาศส่องกล่องดูดาวเลย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุผลที่คิดเอาเองว่าจะเห็นหรือไกลสุดตาขนาดนั้น

แต่นั้นละครับ อะไรๆที่เป็นครั้งแรกของคนเราก็มักจะก่อให้เกิดความตื่นเต้น เมื่อเจ้าหน้าที่หาตำแหน่งพิกัดของดวงดาวได้แล้ว โดยตั้งกล้องไปที่ดวงจันทร์ สายตาถูกวางลงตรงเลนส์กล้องเท่านั้นแหละ ผมต้องอึ้งกับสิ่งที่ปรากฏภายในกล้องดูดาวนั้นคือ  ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ มองเห็นหลุมดำที่เกิดจากการพุ่งชนของหินอุกกาบาตชัดมากๆ ประหนึ่งว่าเอาภาพถ่ายที่เรามักเห็นตามหนังสือ หรือรายการทีวี มาแปะไว้ตรงหน้าเลนส์

ยังดีนะที่ไม่เห็นกระต่ายวิ่งอยู่บนนั้น สงสัยว่าคงอยู่อีกฟากหนึ่งเป็นแน่ มิใช่เพียงดวงจันทร์เท่านั้น ดาวเสาร์ที่มีวงแหวนล้อมรอบยังเห็นเลย การดูดาวครั้งนี้ผมได้เรียนรู้หลักการเบื้องต้นในการหาทิศและชื่อของดาวบนฟ้า รวมทั้งความหมาย และประโยชน์ของกลุ่มดาวนั้นๆ

   แสงเล็กๆ กลายเป็นสีสันแห่งราตรี สิ่งมีชีวิตเล็กๆทำให้รัตติกาลมีความหมาย จะเป็นอย่างไรหากโลกเรามีแต่ความมืด นี้คงเป็นแค่การตั้งคำถามเพื่อไม่ต้องการคำตอบ แต่หากจินตนาการไปว่า ถ้าเอาแสงจากหิ่งห้อยทั้งโลกมารวมผสมกับแสงของดวงดาว ความสว่างจะเกิดขึ้นบนโลกนี้หรือเปล่านะ.....

การเดินทาง    จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถึง จ.สระบุรี เลยไปจนถึงสวนพฤกษศาสตร์พุแค ตรงกิโลเมตรที่ 125 แยกขวามือ เข้าทางหลวงหมายเลข 21 ต่อไปอีกประมาณ 221 กิโลเมตรถึง จ.เพชรบูรณ์ จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปยัง อ.หล่มสัก แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก - พิษณุโลก) ถึง กม.ที่ 98 ภูแก้วรีสอร์ท จะอยู่ทางขวามือ

ติดต่อสอบถาม และ สำรองบ้านพักได้ที่

บริษัท เขาค้อเมาท์เท่นรีสอร์ท จำกัด สำนักงานขาย : 90 ชั้น 4 อาคาร ฟิ๊ฟตี้ฟิฟท์ พลาซ่า ซอยทองหล่อ 2 สุขุมวิท 55 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร : 02 381 0691 - 3 , 0 1697 9850 โทรสาร : 0-2381-0197 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.phukaew.com

ยอด แก้วสุวรรณ....เรื่อง/ภาพ ออนไลน์วันที่ 28 พฤษภาคม 2551