อันดามัน วันนี้ ตอนแรก จ.กระบี่

อันดามัน วันนี้ ตอนแรก จ.กระบี่

อันดามัน วันนี้  ตอนแรก จ.กระบี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อันดามัน วันนี้  ตอนแรก จ.กระบี่

นุ บางบ่อ ... เรื่อง / ภาพ ออนไลน์วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2548

     การเดินทางของผมในทริปนี้ เป็นการเดินทางต่อเนื่องจากการไปร่วมงาน คาราวานบุญ สู่อันดามัน ที่เขาหลัก จ.พังงา เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2548 ถือได้ว่าเป็นทริปต่อเนื่อง เพราะการเดินทางลงใต้มาไกลขนาดนี้นั้นหาโอกาสได้ไม่ง่ายนัก เมื่อได้ลงมาแล้วก็ต้องเที่ยวต่อกันให้คุ้ม ช่วงที่อยู่พังงาก็มีข่าวว่า หลังจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์ถล่มผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้อันดามันสวยขึ้นกว่าเก่า สวยเหมือนยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว...แถมรายการทัวร์ราคาถูก!!! มีขายกันให้เกลื่อน.. 

     อ่ะ.. อย่างนี้จะให้รีบกลับก็โง่หลายๆ..หละ ..เมื่อก่อนจะเที่ยวอันดามันแต่ละครั้ง ต้องใช้เงินเกือบหมื่น แถมต้องต่อคิวจองกันยาวเหยียด วันนี้แพ็คเก็จถูกๆ มีให้เลือกมากมาย แถมผมได้บังเอิญรู้จักกับบริษัททัวร์ ทั้งจากกรุงเทพฯ และคนในท้องถิ่นอย่าง บริษัท อินสยาม ทราเวล จำกัด , บริษัท ซีบรีช ทัวร์ , ตรัง ซี ทัวร์ ที่บริการด้วยความสนุกสนานจริงใจ ซ้ำยังได้คุยกับ ท่านนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.กระบี่ เลยทำให้ผมตัดสินใจท่องเที่ยวต่ออีกสองสามวันใน จ.กระบี่ และ จ.ตรัง เพื่อค้นหาคำตอบว่า ทะเลอันดามัน ในวันนี้นั้น สวยกว่าเดิมจริง หรือ ไม่ ? 
จังหวัดกระบี่ สระมรกต      ผมเริ่มต้นท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่โดย บริษัท อินสยาม ทราเวล จำกัด พาผมเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็นสถานที่หนึ่งใน อันซีน อิน ไทยแลนด์ ชุดที่1 ที่ที่ผมไปชมเป็นแห่งแรกนี้ก็คือ สระมรกต ชื่อก็คงจะพอบอกให้ทราบดีอยู่แล้วนะครับว่า ณ สถานที่แห่งนี้ ต้องมีสระน้ำที่เขียวใสสะอาด น่าไปเที่ยวชม การเดินทางไปสระมรกตก็ไม่ยากเย็น สระมรกต นี้ตั้งอยู่ระหว่างบ้านบางคราม - บ้านบางเตียว อ.คลองท่อม อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกระบี่ ตามถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) ประมาณ 45 กิโลเมตร จากนั้นแยกเข้าถนนสุขาภิบาล 2 ตรงที่ว่าการอำเภอคลองท่อมอีก 12 กิโลเมตร แล้วตรงไปเรื่อยๆ ตามทาง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาประบางคราม โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท 
     ภายในบริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่ปลูกสร้างขึ้นเป็นสะพานไม้ยกระดับ พาเราให้เดินสู่สระมรกต ตลอดข้างทางเดินมีป่าไม้สายน้ำไหลหล่อเลี้ยงไปตลอด ยิ่งเดินลัดเลาะเลียบขึ้นไปน้ำยิ่งใสขึ้นๆ จนทำให้ผมอดฉงนใจไม่ได้ว่า ทำไมหนอ..น้ำที่นี่จึงใส กว่าปกตินัก? นี่แหละครับเมืองไทยของเรา มักมีเรื่องให้อัศจรรย์ใจอยู่บ่อยๆ สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ล้วนมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ไม่นานนักผมได้เดินมาถึงสระมรกต น้ำที่เขียวใสมากๆ ผมเห็นนักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำนอนแช่กันอยู่อย่างมีความสุข ได้คนละนานสองนาน ... เห็นภาพแล้ว ผมละอยากจะโดดลงไปเล่นน้ำด้วยจริงๆ เล้ย...อิอิ.. 

    ขนาดกลับมาแล้วก็ยังไม่หายสงสัยครับว่า ทำไมน้ำที่สระมรกต จึงได้ใสอย่างนั้น ? ก็เลยไปหาข้อมูลพอเป็นสังเขป ได้ดังนี้ครับ ลองอ่านดูนะครับ เผื่อคราวหน้าได้ไปเที่ยวกันจะได้ไม่สงสัยเหมือนผม

     เกี่ยวกับ สระมรกต มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 20-25 เมตร ความลึกประมาณ 1-2 เมตร น้ำในสระมรกตมาจาก น้ำพุร้อน ประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส ที่พุ่งขึ้น มาจากใต้ดิน ผ่านชั้นหินปูน ซึ่งมีแคลเซียมคาร์บอเนตสูง มีคุณสมบัติเป็นด่าง จึงทำให้ สารแขวนลอยต่างๆ ในน้ำตกตะกอนลง น้ำในสระมรกตนี้ จึงใสสะอาด แต่ก็ไม่เหมาะกับการดื่มกินแม้ดูสะอาด เนื่องจากอาจทำให้เป็นนิ่วได้ ท่านจะสังเกตได้ว่า สารคาร์บอเนต หรือสารละลายคราบหินปูน และสารอื่นๆ ที่ละลายอยู่ในน้ำร้อน มักตกตะกอนตามขอบบ่อ มากกว่าที่ก้นบ่อ เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในกรดคาร์บอนิค ที่ละลายปนกับน้ำจะสลายตัวสู่บรรยากาศ ได้ดีกว่า 

     ส่วนในบริเวณลาดเนินเขา ที่น้ำร้อนซึมขึ้นมาก็มีคราบหินปูนตกตะกอนอยู่เช่นกัน แต่ยังไม่จับตัวแข็ง เมื่อย่ำไปจะรู้สึกนุ่มและลื่น ส่วนสาหร่าย และแบคทีเรีย ที่อาศัย ในสระน้ำร้อน ที่ทำให้น้ำในสระมีสีต่างๆ กัน ตามอุณหภูมิของน้ำ จะเห็นว่าบริเวณที่อยู่ใกล้ ศูนย์กลางของบ่อน้ำพุร้อน มีความร้อนสูงกว่าที่อื่นจะมีสีน้ำเงิน และมีสีเขียว ในบริเวณที่น้ำอุ่นลง โปรดช่วยกันรักษา ด้วยการไม่ใช้ แชมพู สบู่ และสารซักฟอกใดๆ ในสระมรกต ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้สาหร่ายในสระเกิดขึ้นมากจนผิดปกติ และน้ำเสียในที่สุด

น้ำตกร้อน      ไม่ไกลจากสระมรกต วันนี้ผมได้ไปเที่ยวต่ออีกแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกบรรจุอยู่ใน อันซีน อิน ไทยแลนด์ ชุดที่ 1เช่นเดียวกัน นั่นคือ น้ำตกร้อนคลองท่อม อยู่ไม่ไกลจากสระมรกตมากนักครับ น้ำตกร้อนคลองท่อม นี้อยู่ภายใต้การดูแลของ อบต.คลองท่อมเหนือ มีการออกแบบจัดโซนอย่างเป็นระเบียบ คล้ายระบบสปา ใครที่เคยไปน้ำตกแจ้ซ้อนลำปางคงจะนึกภาพออก คล้ายๆ กันครับ แต่เท่าที่สังเกต ที่นี่ไม่ค่อยมีใครเอาไข่ไก่ไปแช่ มีแต่นวดเพื่อสุขภาพอันนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นิยมกันมากครับถึงกับเข้าคิวรอกันเลยทีเดียว

     เสียดายครับ ผมเองเป็นคนบ้าจี้เสียด้วย ใครมาจับมานวดไม่ค่อยได้ ทั้งที่เมื่อยทั้งที่ปวด อดไปอีกหนึ่งรายการ ได้แต่ไปนอนแช่ทำหน้าตาให้ละม้ายคุณติ๊ก เจษฎาพร เหมือนตอนที่เขาถ่ายโฆษณาให้ ททท. อยู่นั่นและ ... นอนแช่อยู่นานครับ พอเห็นสิบกว่าคนผ่านไป ไม่มีใครมาขอลายเซ็นก็ขึ้นมา  เชื่อไหมครับอาการปวดเมื่อยหายไปเลยครับ นอนแช่น้ำตกร้อนที่นี่แล้วสุขภาพดีขึ้นจริงๆ 

     ร่างกายอุ่นๆ เดินขึ้นจากน้ำตกร้อน หาน้ำเย็นล้างหน้าให้สดชื่นอีกหน่อย รู้สึกประเทศไทยน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยครับ เนี่ยถ้ามาเที่ยวที่นี่ แล้วไม่ได้ลงไปแช่ละเสียดายแย่.. 

     สำหรับวันแรกที่กระบี่ ผมได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ อันซีน อิน ไทยแลนด์ แบบบนบก คืนนี้บริษัททัวร์ แจ้งโปรแกรมว่าจะพาไปพักที่อ่าวนาง ... ผมเบิกตาโพรงเลยครับ ... ก็แหม อ่าวนางตอนค่ำๆ นี่ น่าเดินสุดๆ ครับ

อ่าวนาง      ก่อนจะลงไปลุยสำรวจในท้องทะเล ผมได้ใช้บริการของ อ่าวนางปริ้นซ์วิลล์ รีสอร์ท ที่พักสวยๆ ระดับ 3 - 4 ดาว ในย่านอ่าวนางเป็นที่พักผ่อนหลับนอน บริเวณอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ นี้เป็นจุดที่โชคดีจุดหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์น้อยมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะบริเวณนี้มีเขื่อนคอนกรีต ที่สร้างไว้กันการกัดเซาะของคลื่นสู่ถนนเลียบชายหาด  เขื่อนคอนกรีตนี้จึงช่วยบรรเทาความรุนแรงของคลื่นยักษ์ไปได้มาก เท่าที่ผมเดินสังเกตดู ก็เห็นร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร รีสอร์ท ต่างๆ เปิดบริการกันตามปกติ แต่นักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตาไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน 
     เรือหางยาวของชาวบ้าน ที่เคยจอดเรียงรายแน่นขนัดเต็มหาดอ่าวนาง เพื่อพานักท่องเที่ยวไปหาดไร่เล หรือชมเกาะต่างๆ จากเดิมมีจำนวนกว่า 300 ลำ ปัจจุบันเหลือเพียง 70 - 80 ลำ ก็ทำให้อ่าวนางดูเป็นระเบียบมากขึ้น แต่อีกไม่นานจำนวนเรือ และนักท่องเที่ยวก็คงจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเหมือนดั่งเคย ทั้งนี้ทางจังหวัดกระบี่กำลังวางแผน และจัดมาตรการรองรับกันต่อไป

    เย็นนี้ผมนั่งเล่นอยู่ที่ริมหาดของอ่าวนาง มีสวนหย่อมเป็นแนวยาวคู่ไปกับชายหาดและถนน ก็ดูสวยงามดีไม่เห็นเสียหายอะไร นักท่องเที่ยวที่มากับแฟนก็เดินจับมือคุยกันที่ชายหาด พากันชมพระอาทิตย์ที่กำลังเปล่งประกายสีแดง เป็นพลังแสงสุดท้ายของวัน... โอ๊ย... โรแมนติกสุดๆ ครับ เหมือนเคยนิสัยขี้อิจฉามาอีกแล้ว คราวที่แล้วก็ที่เกาะเสม็ด มาคราวนี้ที่อ่าวนางอีก  ผมละไม่ชอบบรรยากาศตอนนี้เลยจริงๆ อยากจะให้ถึงเช้าพรุ่งนี้ไวๆ เขาจะได้พาผมไปพิสูจน์เสียทีว่า ทะเลกระบี่ นั้นเที่ยวได้จริงๆ นะ

ทะเลแหวก      เป้าหมายแรกของการเดินทางในทะเลอันดามัน เขตจังหวัดกระบี่ อันซีน อิน ไทยแลนด์ ชุดที่ 1 กล่าวไว้ว่า " ลึกล้ำเข้าไปกลางทะเลลึกแห่งอันดามัน ช่วงเวลาหนึ่งที่เรา นั่งเรือ ชมเกาะ รูปร่างสวยงามแปลกตา ใครจะเชื่อว่า อีกชั่วข้ามเวลาหนึ่งทะเลที่เราผ่านมาชั่วครู่ จะลดระดับน้ำ ดุจทะเลแหวกออกจนกลายเป็นหาดทรายขาวสะอาด เชื่อมเกาะสองเกาะสองเกาะอย่างน่าอัศจรรย์ " ฮ่าๆๆ เล่นลอก อันซีน กันมาเลยนะนี่ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือ ผมอยากจะบอกว่า ความงดงามของทะเลแหวกวันนี้ ไม่ได้แตกต่างจาก ที่อันซีน อินไทยแลนด์ เขาได้กล่าวไว้เลย เดี๋ยวจะหาว่าผมเว่อร์อีก บอกตามตรงตามจริงก็ได้ครับ สึนามิ มีผลทำให้สันทรายของทะเลแหวก เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
     คือ ทรายจากท้องทะเล ได้ถูกพัดพามากับคลื่นยักษ์ ทำให้รูปทรงของสันทรายเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่เค้าโครงร่างความเป็นทะเลแหวกเมื่อยามน้ำลด ก็ยังคงเหมือนเดิม ความขาวละเอียดของเม็ดทรายก็ยังเหมือนทรายเมื่อคราวก่อน 

     ใกล้ๆ กันก็มีเกาะปอดะ ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางทะเลเหมือนเดิม ท้องฟ้าสีเข้มเมื่อยามแดดออก แสงจ้าส่องลงมาเห็นน้ำทะเลใส คลื่นซัดเบาๆ มาบนหาดทราย นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังฝึกใช้หน้ากากดำน้ำ ส่วนผมกำลังเหม่อมองออกไปในท้องทะเลสุดสายตา แล้วพูดในใจดังๆ ว่า "สวยจริงๆ"

เกาะพีพีดอน      แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกระบี่ไปแล้ว เกี่ยวกับภาพอ่าวที่กิ่วเข้าหากันบนเกาะพีพีดอน ระหว่าง อ่าวต้นไทร กับ อ่าวโละดาลัม ภาพรวมทั้งเกาะไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา และภาพปะการังที่อยู่ใต้น้ำ ทำให้เกาะพีพีเป็นที่ร่ำลือถึงความสวยงามจนติดอันดับต้นๆ ของโลก ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สอง ที่ผมได้มีโอกาสมาเยือนเกาะพีพี ยอมรับครับว่าแตกต่างจากครั้งแรกมาก ครั้งแรกที่ผมได้มาเยือน และได้มีโอกาสขึ้นไปบนเกาะ ความสวยงามนั้นก็สวยงามสมคำร่ำลือ แต่ขอติอยู่อย่างคือความวุ่นวายบนเกาะ ที่พัก ร้านค้า ต่างๆ เบียดเสียดกันเหลือเกิน จนบางครั้งก็นึกเล่นๆ ว่า ตัวเองเดินอยู่แถวตรอกข้าวสารหรือเปล่า.. 

     มาวันนี้ ผมๆม่มีโอกาสขึ้นไปบนเกาะเสียแล้ว ได้แต่ดูอยู่ห่างๆ เป็นภาพที่มองจากบนเรือ คือ เขายังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั่วไปขึ้นไปบนเกาะครับ จะอนุญาตก็เฉพาะเจ้าของกิจการต่างๆ ที่ได้มาเปิดกิจการไว้ ขึ้นไปดูความเรียบร้อย เก็บกวาด หรือ หาทรัพย์สินของตนเอง ร้านค้า ที่พักโรงแรม รีสอร์ท บนเกาะพีพีดอน บริเวณอ่าวต้นไทร ละ อ่าวโละดาลัม ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ผมเห็นแล้วก็ใจหาย เพราะสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นหายเกลี้ยงไปทั้งสองอ่าว คงเหลือแต่ต้นมะพร้าว และต้นไม้ใหญ่อื่นๆ ที่ทานทนต่อคลื่นยักษ์ได้

     แต่เท่าที่มีโอกาส ได้พูดคุยกับคุณอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ ท่านได้เปิดเผยว่า เกี่ยวกับที่เกาะพีพี ทางจังหวัดกระบี่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งดำเนินการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน หากเป็นไปตามแผนแล้ว ต่อไปภายใน 1 - 2 ปี ที่พัก ร้านค้า บนเกาะพีพีจะเป็นระเบียบ สวยงาม ไม่มีปัญหาเหมือนดังแต่ก่อน ทุกสิ่งทุกอยางจะเป็นระเบียบ นักท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวก ความปลอดภัยอย่างสูงสุด 

     ผมเองพอจะรับทราบในรายละเอียด ของแผนพัฒนาเกาะพีพี จากท่านนายกสมาคมฯ มาบ้างเหมือนกัน ยอมรับครับว่า หากเจ้าของกิจการเดิม และชาวบ้าน ยอมตกลง โอเค ไม่ว่าจะเป็นในทางเลือกที่หนึ่ง หรือ ทางที่สอง ผมมองเห็นว่าเกาะพีพีดอน ต้องเป็นระเบียบ สวยงาม ปลอดภัย กลับมาน่าเที่ยว และสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้ประเทศไทยของเราได้มากกว่าเก่าแน่นอน ซึ่งทำให้ผมคิดไปได้อีกว่า ตอนนี้เหมือนเรากำลังย้อนอดีตให้เกาะพีพีดอน เพราะเมื่อก่อนจากความไม่มีอะไรเลยบนเกาะ วันนี้เกาะพีพีดอนเป็นอย่างนั้นครับ

เกาะพีพีเล      เกาะพีพีเล ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเกาะพีพีดอนมากนัก บางคนก็เรียกควบคู่กันไป ว่า พีพีดอน พีพีเล เป็นเกาะที่สวยงามน่ารักทั้งคู่ แม้ผมจะไม่ได้ขึ้นไปบนเกาะพีพีดอน แต่ก็มาได้ขึ้นที่เกาะพีพีเล เกาะพีพีเลนี้สภาพทั่วไปเป็นเกาะที่มีเขาหินปูนตั้งฉากกับผิวน้ำทะเลใส แทบจะตั้งฉากกันไปจนรอบเกาะเลยก็ว่าได้ และเป็นที่ตั้งของอ่าวที่มีชื่อเสียง คือ อ่าวมาหยา อ่าวปิเละ อ่าวโละซามะ ล้วนแต่เป็นอ่าวที่ถูกโอบล้อมด้วยเขาหินปูน ทำให้อ่าวเป็นรูปโค้งแปลกตา แถมทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีถ้ำไวกิ้ง ที่มีหินงอกหินย้อย และเป็นสถานที่ที่พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้าง และรูปเรือใบ ซึ่งสันนิษฐานกันว่า เป็นฝีมือของนักเดินเรือ หรือ ไม่ก็พวกโจรสลัด 
      ผม และคณะทัวร์ ได้ขึ้นไปพักผ่อนทานข้าวกลางวันกันที่อ่าวมาหยา ... อิจฉาๆ ละซิ .. อ่าวมาหยา ยามนี้นักท่องเที่ยวเยอะครับ ไกด์ของเราบอกว่าที่เกาะพีพีเล ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สักเท่าไร แถมเป็นจุดหลบลมหลบคลื่นได้อย่างดี หาดทรายก็ยังขาวสวยอยู่เหมือนเดิม การดำน้ำชมปะการังที่อ่าวโละซามะ ก็ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว อิ่มข้าวอิ่มน้ำแล้วคณะทัวร์สำรวจความเสียหายของเราก็เดินทางกันต่อ แต่ช่วงที่ออกมาหน้าอ่าวมาหยานั่นเอง ผมได้ยินพี่สมาชิกท่านหนึ่ง ท่านกดโทรศัพท์กลับบ้าน โทรคุยกับคนทางบ้าน (ท่าทางจะเป็นลูกสาวด้วยครับ) พี่สมาชิกร่วมเดินทางท่านนั้น ท่านพูดว่า "นี่ .. ลูก .. ตอนนี้แม่อยู่อ่าวมาหยา...สวย สวยมากๆ..เลยลูก .. ลูกต้องหาโอกาสมาให้ได้เลยนะ...เดี๋ยวแม่จะไปเที่ยวเกาะอื่นต่ออีกแล้วหละ.." 
     เป็นคำพูดที่ผมประทับใจ ติดหู ก้องอยู่ในใจตลอดทริปการเดินทางเลยครับ พี่สมาชิกท่านนั้น ไม่มีทีท่าว่ากลัวทะเล เลยแม้แต่นิดเดียว กลับยังชื่นชมความงดงามที่ได้พบเห็น ถึงกับทนไม่ไหว ต้องบอกต่อแก่ผู้ที่เป็นที่รัก ใช่ครับเป็นเรื่องของความรู้สึก ปราศจากการเสแสร้ง เห็นมาอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น ผมเองก็ไม่อยากเก็บความรู้สึกประทับใจนี้ไว้คนเดียว เลยนำมาเล่าต่อเช่นกัน 
เกาะไผ่       เกาะไผ่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน เป็นเกาะที่มีปะการังเขากวางทอดตัวยาว ตั้งแต่ทิศเหนือลงไปสู่ทิศใต้ บริเวณหัวเกาะมีหาดทรายชาวละเอียด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำพักผ่อน จากการสำรวจพบว่าปะการังเขากวางบริเวณหัวเกาะเสียหายไปบ้างเพียงเล็กน้อย ผมสังเกตธรรมชาติที่อยู่บนเกาะ และที่พักเล็กๆ ของชาวประมง ก็ไม่พบว่าเสียหาย แถมผมยังไปแอบนอนหลับพักผ่อนหลังมื้อเที่ยว มาอีกตื่น แดดแรงอย่างนี้ ถ่ายภาพได้สองสามภาพ ไม่ไหวแล้วครับ ขอหลบไปนอนบนเปล (ของใครไม่รู้) รับลมเย็นๆ ใต้ต้นไม้ก่อน ... อิอิ... เกาะนี้ ผมชอบครับ อากาศกำลังดี ชายหาดเล่นน้ำได้ นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก มีฟามสุขที่ซู๊ดดดดดดดด...ครอกๆๆ...ฟี๊... (หลับจริงๆ นะ..นั่นน่ะ)
หาดไร่เล      ได้เวลาย้อนกลับเข้าฝั่ง หาดไร่เล เป็นโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ ด้วยที่ตั้งของหาดไร่เล อยู่ไม่ไกลจากอ่าวนางมากนัก แต่ก็ไม่มีถนน หรือ ทางรถยนต์ที่จะเข้าถึงได้ การเดินทางต้องใช้เรือ อ้อมผ่านภูเขาที่กั้นอยู่  เราจึงแวะชมก่อนที่จะกลับขึ้นฝั่งที่อ่าวนาง หาดไร่เล มีจุดเด่นอยู่ที่ถ้ำพระนาง ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ริมหาด ความยาวของถ้ำไม่ลึกมากนัก บริเวณปากถ้ำภายใต้ร่มเงาของหินงอกหินย้อย มีศาลพระนาง เป็นที่เคารพนับถือของชาวประมง และนักท่องเที่ยวทั่วไป เราแวะเคารพสักการะกันก่อนที่เดินต่อไปยังด้านหลังของเกาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มกิจกรรมปีนหน้าผา
     กิจกรรมปีนหน้าผา ที่หาไร่เล นี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ถึงแม้วันนี้นักท่องเที่ยวจะดูบางตาไปสักหน่อย แต่ก็ยังพอมีให้เห็น กิจกรรมการปีนหน้าผาที่นี่ ถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยว และเมื่อปี 2547 ทางจังหวัดกระบี่ ได้จัดกิจกรรมปีนผาหารักขึ้นเป็นปีแรก มาในปี 2548 นี้ ถือเป็นครั้งที่สอง 

     หาดไร่เล ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก และปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงซ่อมแซมเป็นจนเป็นที่เรียบร้อย และสวยงามมากกว่าเดิม นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเริ่มเดินทางไปพักผ่อนกันมากขึ้นแล้ว เนื่องด้วยเป็นชายหาดที่สวยงาม และไม่ไกลจากอ่าวนางมากนัก 

      การเดินทางสำรวจทะเลอันดามัน ในเขตน่านน้ำจังหวัดกระบี่ ของผมในวันนี้คงจะจบลงที่ ภาพดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับหายไปในด้านหลังของสันเขา ผมนั่งเก็บภาพประทับใจอยู่ริมอ่าวนาง เกาะต่างๆ ในทะเลยังคงโดดเด่น คู่รักพากันเดินช้าๆ ชมแสงสุดท้ายอยู่ริมหาด ด้านหลังของผมตอนนี้แสงไฟหลากสีสันจากร้านค้าต่างๆ เปิดสว่างจ้า ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะดูบางตาเมื่อเปรียบกับเมื่อก่อน ผมคิดว่านักท่องเที่ยวเหล่านี้ล้วนโชคดี  ที่มาเที่ยวจังหวัดกระบี่ในช่วงนี้ เพราะนอกจากจะได้เห็นธรรมชาติที่กลับไปเป็นธรรมชาติโดยแท้แล้ว เขาเหล่านี้ยังโชคดีที่ได้ท่องเที่ยวในราคาถูก และการบริการที่จริงใจ 
     ผมอยากชวนให้เพื่อนๆ ได้เดินทางมาท่องเที่ยวกัน จังหวัดกระบี่ไม่ได้เสียหายไปทั้งหมด บางส่วนยังคงสมบูรณ์ บางที่สวยกว่าเก่า โอกาสดีมาถึงแล้วครับ อย่ารอให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนที่ผ่านมา สำหรับผมซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ผมไม่คิดว่า สึนามิ ทำร้ายเรา แต่ผมกลับคิดว่า สึนามิ ทำให้หลายๆ อย่างกลับย้อนไปสู่อดีตอันสวยงามมากกว่า. 

นุ บางบ่อ

พบกันใหม่ตอนหน้า  : อันดามัน วันนี้  ตอนจบ จังหวัดตรัง 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook