ผาชะนะได เช้านี้ที่รอคอย

ผาชะนะได เช้านี้ที่รอคอย

ผาชะนะได เช้านี้ที่รอคอย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผาชะนะได เช้านี้ที่รอคอย

ผาชะนะได เช้านี้ที่รอคอย

กลางดึกของคืนวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 11 ปี 2518 (ไม่แน่ใจว่าปีนั้นถูกต้องหรือเปล่า แต่วันและเดือนนั้นใช่แน่นอน) เสียงหมาเห่ากรรโชคอย่างดุดันเมื่อได้กลิ่นสาบกลุ่มคนชายแปลกหน้าในชุดดำ บ้างก็สวมใส่ชุดลายพราง มันเห่าอยู่นานราวกับจะปลุกเตือนผู้คนในหมู่บ้านที่กำลังหลับใหลอยู่ในผืนผ้าห่มปกป้องความเหน็บหนาว ให้รู้ถึงภัยร้ายที่กำลังมาเยือนหมู่บ้านภูคำเดือย

ศูนย์ท่องเที่ยวชุมชนบ้านภูคำเดือย

คนในบ้านไม้ที่หลังคามุงสังกะสีหลายหลังละแวกนี้จำต้องลืมตาขึ้น แต่ยังไม่มีใครลงจากเรือนมาสืบหาต้นเหตุ เสียงหมาเห่าทวีความรุนแรงมากขึ้น จนหลายคนไม่อาจทนความสงสัยที่ผิดสังเกตต่อไปได้

ผ้าทอลวดลายพื้นบ้าน

ทันใดนั้นก่อนที่ใครจะคิดทำอะไรต่อ...เสียงจากสิ่งที่ไม่คุ้นเคยก็พลันส่งเสียงหวีดแหลมแหวกมวลอากาศมาจากมุมมืดมุมหนึ่ง แล้วเกิดเป็นเสียงระเบิดตูมดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงที่สองและสามมาติดๆ จากนั้นเป็นเสียงปืนนานาชนิด ระรัวออกจากปลายกระบอกเหล็กอย่างไม่มีใครนับทัน และไม่มีใครคิดจะนับมันด้วย

ลุงลาเมง ชาวบ้านภูคำเดือย ในตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ผู้สืบเชื้อสายชาวภูไทเซโปน เล่าต่อไปท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนลานหิน ผกค. ในวันนี้ว่า ค่ำคืนนั้น ตนซึ่งบวชเป็นพระได้พบความผิดสังเกตหลายอย่าง เช่นในตอนเย็นมีคนแปลกหน้าเข้ามาแล้วหายเข้าไปในป่าหลังหมู่บ้าน

ลุงลาเมง เล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านภูคำเดือย

ความผิดสังเกตดังกล่าวชาวบ้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่างก็เตรียมความพร้อมจนกลางดึกของคืนนั้นได้เกิดเรื่อง และถึงเช้าจึงได้ออกไปดู พบโรงพักในสภาพมอดไหม้เสียหายหนัก ด้วยแรงระเบิดจากปืนอาร์พีจี และพบศพเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ที่เสียชีวิตอยู่ในซากปรักหักพัง ชาวบ้านต่างวิภาควิจารณ์กันไปต่างๆ นานา และเรียกการสู้รบนั้นว่า “สงครามแย่งชิงประชาชน”

ลุงลาเมง (คนหน้า) และ ท่านนายยก อบต.ภูคำเดือย (คนหลัง)
คุณจำรัส เซ็นนิล สัมภาษณ์ลุงลาเมง

ปัจจุบันบ้านภูคำเดือย นั้นเงียบสงบ ผู้นำหมู่บ้านพยายามพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอำนาจเจริญ โดยใช้ความเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวภูไทเซโปน ซึ่งเป็นชาวอีสานดั้งเดิมมีวัฒนธรรมประเพณีที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ลานหิน ผกค. ทุ่งดอกไม้ เหวทิ้งโจร ถ้ำผาหินสอ เขาคีรีวงกต โดยผืนป่าบริเวณนี้ล้วนมีเรื่องราวของเหล่าสหายในยุคสงครามการช่วงชิงอำนาจรัฐ หรือ สงครามแย่งชิงประชาชนในอดีตที่น่าศึกษา

ภายในหมู่บ้านได้จัดกิจกรรมการปั่นจักรยานท่องเที่ยว โดยใน 1 ปี นั้นมีการจัด 3 รอบ คือรอบวันที่ 13-14 ธันวาคม 2551 รอบวันที่ 17-18 มกราคม 2552 และรอบวันที่ 31 มกราคม – กุมภาพันธ์ 2552 ใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบการปั่นจักรยานชมวัฒนธรรม และต้องการหาเส้นทางใหม่ๆ ก็น่าจะไปลองดู

ลานประชุม ผกค. หลังหมู่บ้านภูคำเดือย ท่านนายก อบต.ภูคำเดือย พาพวกเราเที่ยมชมลาน ผกค. ซึ่งอยู่หลังหมู่บ้าน ลาน ผกค. หลังหมู่บ้านภูคำเดือย

ช่วงนี้ละครหลังข่าวตอนค่ำหลายเรื่องกำลังเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับอาชีพหมอลำ ซึ่งเป็นอาชีพที่น่าสนใจของชาวภาคอีสาน เพราะสามารถทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ หมอลำบางคณะถึงกับอยู่ในขั้นรวยมาก แต่กว่าจะร่ำรวยได้ก็ต้องผ่านความยากลำบากมามากพอสมควร ว่ากันว่าในจังหวัดอำนาจเจริญ ที่หมู่บ้านปลาค้าว เป็นชุมชนที่มีคณะหมอลำซิ่งมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งยังมีหมอลำรุ่นคุณปู่ และหมอลำน้อยรุ่นหลาน ไว้ให้ผู้ไปเยือนได้เยี่ยมชมอีกด้วย

เสาหินมหัศจรรย์ ทุ่งดอกไม้ และ เส้นแวงที่ 105 ผม และเพื่อนรุ่นพี่อีก 3 คน ที่ส่วนใหญ่นั้นประกอบอาชีพด้านสื่อมวลชน ออกเดินทางต่อโดยใช้เส้นทาง จากจังหวัดอำนาจเจริญ มุ่งสู่ถนนสายเลียบริมแม่น้ำโขงที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี แล้วเลาะไปตามสายแม่น้ำโขงไปตามทางหลวงสาย 2112 เส้นทางสายนี้จะพาพวกเราไปสู่ อำเภอโขงเจียม ดินแดนแม่น้ำสองสีได้อย่างสะดวก แถมได้ชมวิวทิวทัศน์ริมฝั่งโขงไปด้วยในตัว

น้ำ และ ผลาญหิน

การผจญภัยเพื่อไปเที่ยวชมเสาหินมหัศจรรย์นี้ เริ่มต้นขึ้นที่บริเวณที่ทำการ อบต.นาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องเริ่มต้นที่นี่ก็เพราะว่า เป็นระเบียบของทาง อบต.นาโพธิ์กลาง และชุมชนได้ร่วมกันจัดตั้งไว้ โดยให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ป่าดงนาทาม ต้องแจ้งความประสงค์ให้กับทาง อบต.ทราบก่อน

ดอกไม้ดินมีให้เห็นอยู่ดารดาษมากมาย

ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง หากมีการพลัดหลงในป่า หรืออุบัติเหตุสุดวิสัยอื่นๆ ทั้งนี้หากเดินทางเข้ามาเป็นหมู่คณะ ทาง อบต. สามารถจัดหาเจ้าหน้าที่นำทาง และดูแลอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ตามสมควรให้ได้

ดอกเอนอ้า ที่พบเห็นได้ง่ายในป่าดงนาทาม

สัมภาระจำเป็นที่จะนำไปใช้ในการตั้งแคมป์ในป่าดงนาทาม และของใช้ส่วนตัวของผมถูกนำขึ้นไปไว้ในรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ

ดอกกระดุมเงินเต็มท้องทุ่ง สายน้ำบนผลาญหิน หล่อเลี้ยงพฤกษาให้เติบโตอย่างชื่นบาน เป็นที่โปรดปรานของช่างภาพ

ไม่นานก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าผ่านกลางหมู่บ้านซะซอม หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องที่พักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งได้มาตรฐาน ปัจจุบันมีชาวต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาพักผ่อนอยู่เป็นประจำ เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ รวมทั้งการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ภายในหมู่บ้าน

วิถีชีวิตที่สนุกสนานของนักท่องเที่ยว และชาวบ้านซะซอม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
แม่เฒ่าเตรียมงานจักสาน

หมู่บ้านซะซอมเป็นหมู่บ้านที่มีความน่าสนใจ โดยเริ่มจากการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเสียงดนตรีและอาหารพื้นบ้าน ภายในหมู่บ้านมีงานหัตถกรรมอันโดดเด่น เช่น ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ กรรมวิธีการผลิตจากเริ่มแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ชาวบ้านยังคงใช้วิธีแบบดั้งเดิม โดยไม่พึ่งเครื่องจักรสมัยใหม่ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้การผลิตผ้ามัดย้อมแบบดั้งเดิม

การต้อนรับนักท่องเที่ยวของหมู่บ้านซะซอม

ในด้านการท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง ก็มีสถานที่ที่น่าสนใจได้แก่ เสาเฉลียงธรรมชาติ (ผมกำลังจะไปชม) ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ นมัสการไหว้พระใหญ่วัดภูอานนท์ ไต่สะพานที่มีความยาวถึง 360 เมตร จากภูเขาลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่ง เส้นทางเดินป่าถ้ำผีกองกอย...(แค่ชื่อก็น่าไปค้นหา) ดงสมุนไพร ต้นไม้กินคน ประติมากรรมหินทราย

วงดนตรีพื้นบ้านของหมู่บ้านซะซอม

แหม...แต่ละชื่อเป็นไงครับ น่าสนใจทั้งนั้น เอาเถอะทริปนี้ผมได้แต่แวะชมและพูดคุยกับชาวบ้านไม่นานนัก เพราะมีภารกิจข้างหน้ารออยู่ ได้แต่สัญญากับตัวเองว่า โอกาสหน้าเจอกันแน่ถ้ำผีกองกอย ก็ชื่อเขาฟังดูแปลกดีครับ

รถกระบะที่มีคนขับ ชื่อนายแว่น (เห็นเพื่อนเขาเรียกกันอย่างนั้น) ก็คงเพราะนายแว่นใส่แว่นด้วยกระมัง นอกจากนายแว่นจะหน้าตาหล่อเหลาเอาการแล้ว ยังเป็นพนักงานอยู่ที่ อบต.นาโพธิ์กลาง ด้วยท่าทางขยันขันแข็งคล่องแคล่ว หากใครไปเที่ยวป่าดงนาทามลองโทร. ไปติดต่อดูนะครับ ผมว่านายแว่นคงดีใจหลายที่มีเพื่อนๆ มาเที่ยวกัน

ทุ่งดอกไม้บนผลาญหิน ในป่าดงนาทาม

นอกจากนายแว่นแล้วก็ยังมีท่านประเวส หอมชื่น ปลัด อบต.นาโพธิ์กลาง ที่นอกจากจะทำงานเก่งแล้ว ยังมากไปด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะเรื่องสมุนไพรที่มีอยู่หลากหลายชนิดในป่าดงนาทามแห่งนี้ ทั้งยังมีพลพรรคของนายแว่นอีกหลายท่าน ทีมาช่วยสร้างความสนุกสนานเฮฮาให้ทริปนี้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

ดอกไม้สีสดสวยงามในป่าดงนาทาม
ดอกไม้ดิน ที่ขึ้นอยู่ประปรายระหว่างทางเดินสู่เสาเฉลียง ชมทัศนียภาพที่สวยงามของป่าดงนาทาม ช่วงดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เสาเฉลียงคู่ สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในป่าดงนาทาม
ป่าไม้ในป่าดงนาทาม

นายแว่นจอดรถกลางป่า สภาพแวดล้อมตอนนี้รายรอบไปด้วยต้นไม้รกครึ้ม สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรแล้วคงถูกใจเหมือนผม นี่แหละหรือที่เขาเรียก ดงนาทาม

แสงตะวันเริ่มมอดจางลงไปทุกที จากที่สีแดงประกายแสบตา ตอนนี้เริ่มอ่อนแสงเรื่อเรือง ท้องฟ้าพลอยเปลี่ยนสีไปกะเขาด้วย เริ่มเป็นสีส้มตรงเส้นขอบฟ้า ขึ้นไปหน่อยก็เริ่มมืดดำ

พวกเราต้องเร่งฝีเท้าไปยังเสาเฉลียงคู่ก่อนที่แสงจะหมด จุดนั้นท่านปลัดประเวส บอกว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากจุดหนึ่งของดงนาทาม

เสาเฉลียงคู่ สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในป่าดงนาทาม

ระหว่างทางเดินบนพลาญหินกว้างมีดอกไม้ดินขึ้นอยู่ประปราย ยั่วยวนให้พวกเราคนแปลกถิ่นเก็บภาพประทับใจไปตลอดเส้นทางเดิน ขณะเดียวกันสายลมเย็นพัดโชยปะทะผิวราวกับเป็นการต้อนรับอย่างยินดี

เสาเฉลียงคู่ สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในป่าดงนาทาม ช่วงแสงสุดท้ายของวัน

เสาเฉลียงคู่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ผมคงเดินไปถึงก่อนที่แสงจะหมด ในกระเป๋าผมมีไฟฉายพอให้อุ่นใจขึ้นบ้างเมื่อนึกถึงช่วงเวลาเดินกลับ เราพยามเดินหลีกเลี่ยงการเหยียบดอกไม้ที่ขึ้นอยู่บนผลาญหิน แม้มันเป็นเพียงต้นไม้ขนาดเล็ก แต่หนึ่งต้นเล็กๆ เหล่านี้ก็ทำให้จิตใจของเราเบิกบานได้เช่นกัน

เสาเฉลียงคู่ สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในป่าดงนาทาม ช่วงแสงสุดท้ายของวัน

เสาเฉลียงคู่สองต้นนี้ดูจะโดดเด่นกว่าเสาเฉลียงต้นอื่นๆ ที่ว่ากันว่ามีอยู่อย่างมากมายในป่าดงนาทาม ผมพยายามจินตนาการถึงลักษณะรูปร่างของก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนที่เทินอยู่บนเสาหินว่ามีรูปร่างเหมือนกับอะไร แต่ก็นึกไม่ออก เลยสรุปกับตัวเองว่า มันเป็นปฏิมากรรมชั้นเทพที่ไม่ต้องการคนเข้าใจหรือยากที่จะเข้าถึง

ความมืดเริ่มครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ดวงอาทิตย์หายไปที่หลังยอดไม้สุดสายตา บริเวณที่โล่งอย่างนี้อากาศหนาวเย็นเริ่มแสดงพลัง แคมป์ที่พักของเราอยู่ที่น้ำตกห้วยพอก คงไม่ไกลนักหากเราใช้รถกระบะเดินทาง ที่นั่นมีลานกางเต้นท์ และห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายห้อง จัดได้ว่าสะดวกสบาย ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับผาชะนะได ที่ซึ่งพรุ่งนี้เราจะไปสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือการ ดูพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครๆ ในประเทศไทย

ค่ำคืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมมีความสุขท่ามกลางความทุกข์ใจบางเรื่อง (งง....อ่ะดิ) ผมนอนบนเสื่อหน้าเต้นท์ เอากระเป๋ากล้องมาหนุนหัว ข้างๆ มีทั้งเพื่อนใหม่ และพี่เก่า นั่งล้องวงขับกล่อมเสียงเพลง แสงไฟจากเศษไม้ให้ความสว่างและอบอุ่น

แคมป์ที่พัก บริเวณน้ำตกห้วยพอก

พลันนักร้องในกลุ่มขับกล่อมเพลงคนเก็บฟืน ผมเลยนึกถึงคนรู้จักคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงนี้เป็นชีวิตจิตใจเขาเคยบอกว่า เนื้อหาของเพลงนั้นกินใจมากเหลือเกิน เพลงนี้กับตอนนี้ ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มไปกับท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับพรั่งพราวเต็มท้องฟ้า ยิ่งท้องฟ้ามืดเป็นสีดำสนิท ดวงดาวก็ยิ่งโดดเด่นสวยมากขึ้นเป็นทวีคูณ

เสียงเพลงค่อยๆ เงียบไปจากวงนักร้องประสานเสียง กลายเป็นคู่หูดูโอ และนักร้องเดี่ยวในที่สุด หลายคนหลับใหลกันไปแล้ว น้ำค้างเริ่มแรงจนฮูตคลุมหัวชื้น ถึงเวลาที่ต้องเข้าเต้นท์แล้วซินะ ทั้งๆ ที่อยากจะนอนชมดาวต่อ ในที่สุดบรรทัดสุดท้ายของไดอารีวันนี้ก็ได้จบลงในเต้นท์ด้วยถ้อยคำว่า ประทับใจ

ผาชะนะได ในป่าดงนาทาม

เช้านี้ไม่มีเสียงไก่ขัน ไม่มีเสียงรถยนต์วิ่งผ่านหน้าบ้านให้หนวกหู ที่นี่มีแต่อากาศหนาวยะเยือก และละอองหมอกโอบกอดรอบตัว มันเป็นเช้าตรู่ที่สดชื่นแจ่มใสแม้ดวงอาทิตย์ของวันใหม่จะยังไม่ขึ้นมาให้เห็น เราทุกคนมุ่งหน้าเดินออกจากแคมป์เพื่อไปยังริมหน้าผาชะนะไดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดตั้งแคมป์ของเรามากนัก เช้านี้แหละที่เราจะเห็นดวงอาทิตย์ก่อนใครในสยาม

ณ เส้นแวงที่ 105 องศา 37 ลิปดา 17 ฟิลิปดา คือที่ตั้งของผาชะนะได หน้าผาริมแม่น้ำโขงกั้นระหว่างประเทศไทยของเรา กับ สปป.ลาว ที่นี่คือจุดอ้างอิงว่า เป็นจุดที่ตั้งอยู่ตะวันออกสุดในประเทศไทย เส้นแวงคือเส้นลองติจูด (Longitude) เส้นนี้ใช้บอกตำแหน่งบนพื้นโลก

เฝ้าคอยแสงแรกของวันใหม่

จากที่เราเคยได้ร่ำเรียนมาในตอนเด็กก็จะคุ้นกันอยู่ 2 เส้น คือ เส้นรุ้ง (ละติจูด Latitude) เส้นนี้เป้นเส้นในแนวนอน มีค่าตั้งแต่ 0 องศาที่เส้นศูนย์สูตร ไปจนถึง 90 องศา ที่บริเวณขั้วโลก (จะเป็น 90 องศาเหนือ หรือ ใต้ ขึ้นอยู่กับการวัดในด้านขึ้น หรือ ลง) ฉะนั้นพื้นที่แต่ละพื้นที่ที่จึงละติจูดแตกต่างกัน และจะมีสภาพภูมิอากาศต่างกัน โดยแบ่งเป็นเขตร้อน เขตอบอุ่น และเขตหนาว

ล่องเรือชมแสงสุดท้ายของวันในแม่น้ำโขง บริเวณ อ.โขงเจียม ดินแดนแม่น้ำสองสี

อีกเส้นหนึ่ง คือ เส้นแวง หรือเรียกแบบสากลว่า ลองติจูด (Longitude) คือ เส้นในแนวตั้ง โดยวัดไปทางตะวันออก หรือตะวันตก ทั้งนี้ตามหลักสากลแล้ว จะมีเส้นสมมุติในแนวเหนือใต้ที่เรียกกันว่า เส้นไพรม์เมอริเดียน (Prime Meridian) อยู่ที่หมู่บ้านกรีนิช ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เส้นนี้จะมีค่าเท่ากับ 0 องศา หากนั้บไปทางตะวันออก ก็บวกไป 180 องศา (+ 180) ถ้านับไปทางตะวันตกก็ลบไป 180 องศา (- 180)

ส่วนประเทศไทยของเรานั้นอยู่ในบริเวณเส้นลองติจูดที่ 105 ตะวันออก หากวัดกันให้ละเอียดถึงบริเวณผาชะนะได ก็จะมีหน่วยย่อยอีก คือ 37 ลิปดา 17 ฟิลิปดา หน่วยนี้คล้ายกับ นาที และวินาที ซึ่งจะเป็นค่าที่ละเอียดชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ตามหลักแล้วแต่ละองศาของเส้นลองติจูด จะมีค่าของเวลาแตกต่างกันเส้นละ 4 นาที

มุมมองจากอารยารีสอร์ท ไปทางแก่งตะนะ

มาถึงตรงนี้แล้ว ผมเลยไม่ค่อยสนใจหน่วยย่อยเจ้าลิปดา และฟิลิปดาเท่าไรนัก แต่กลับนึกไปถึงตอนเด็กๆ ที่มีครูหน้าดุคอยพร่ำสอนให้ท่องจำว่า “ละ นอน......ลอง ตั้ง” หรืออีกวลีหนึ่งคล้ายๆ กัน “รุ้ง ตะแคง.....แวง ตั้ง” สองวลีนี้ผมจำขึ้นใจ เลยทำให้จำได้จนถึงวันนี้

รับตะวันใหม่ก่อนใครในสยาม

“เช้านี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ผาชะนะได เวลาหกนาฬิกา ห้านาที......เอิ๊กๆๆ...” พี่จำรัส เซ็นนิล ผู้สื่อข่าวจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ปล่อยมุกให้พวกเราขำแต่เช้า หากใครเคยฟังข่าวจากสถานี สวท. คงจะคุ้นเคยกับเสียงทุ้มๆ หล่อๆ (ตัวจริงพี่จำรัสก็หล่อครับ) กันได้ วันนี้ สวท. มาเองถึงที่ เลยได้ประกาศสดให้ผู้รับฟังรายการสี่ห้าคน ระหว่างการรอคอยดวงอาทิตย์ขึ้นจากฝั่งลาวอย่างใจจดจ่อ

แสงแรกของวันกำลังจะเปล่งประกายขึ้นเหนือสันเขาใน สปป.ลาว

ไม่นานนักขณะที่เรากำลังชื่นชมมวลหมอกบนสายน้ำโขง ทั้งบนทิวเขาทั้งฝั่ง สปป.ลาว และฝั่งไทย ที่ทอดตัวยาวไปตามสายน้ำ แสงสีทองแรกก็เปล่งประกายผ่านขอบเมฆขาวออกมาให้เห็น สีของมันเริ่มเข้มแดงขึ้นอย่างช้าๆ เมฆเคลื่อนตัวหลีกไปทางทิศใต้ เมฆก้อนใหม่ก็เข้ามาบดบังแทนที่ แต่เหมือนจะเว้นระยะให้เราได้กดชัตเตอร์เก็บภาพกันได้ทัน แสงของดวงอาทิตย์ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่คงไม่มากเท่าคู่รักบางคู่ที่นั่งโอบไหล่กันอยู่ริมหน้าผาตอนนี้

ณ ที่แห่งนี้ถึงแม้ชื่อจะฟังดูออกเป็นการท่องเที่ยวป่าดงพงไพร แต่บรรยากาศนั้นสร้างความโรแมนติกให้กับคู่รักได้ประทับใจอย่างมิรู้ลืม แม่น้ำโขง สายน้ำแห่งชีวิต มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นบนสองฟากฝั่ง วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เริ่มต้นขึ้นอย่างสดใส ไม่ว่าวันวานที่ผ่านมาจะเป็นเช่นไร เราจะจดจำเรื่องที่ผิดพลาดไว้เป็นเพียงบทเรียนไม่ใช่เพื่อตอกย้ำให้ช้ำชอกใจ เพราะว่า “ชีวิตใหม่ของเรานั้น เริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน”  ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่กำลังคิดว่า สิ้นหวัง ครับ

นุ บางบ่อ....เรื่อง / ภาพ ออนไลน์เมื่อ...27 มกราคม 2552

เรื่องท่องเที่ยวผจญภัยอีกมากมาย 

ภาพแถม

ตลาดเช้า อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี แม่ค้าขายก๋วยจั๊บญวน ในตลาดเช้า อ.โขงเจียม ก๋วยจั๊บญวนอร่อยมากๆ
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อาจารย์ชูชาติ  วารปรีดี ครูนอกคอก แห่งรายการคนค้นคน สาธิตวิธีการเลี้ยงม้าพันธุ์พื้นบ้าน เจ้าโบกี้ ม้าตัวโปรดของ อาจารย์ชูชาติ  วารปรีดี
ขอขอบคุณ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

อำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง :      คุณนพรัตน์  กอกหวาน      คุณธงชัย  แสนทวีสุข      และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน      การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี      โทร.045 243 770 , 045 250 714      www.tatubon.org

ความอนุเคราะห์ด้านการพาเที่ยวชมวิถีชีวิตท้องถิ่น :      ท่านายก อบต. คำเขื่อนแก้ว  อ.ชานุมาน  จ.อำนาจเจริญ

ข้อมูลประวัติศาสตร์ในช่วง สงครามชิงประชาชน :       ลุงลาเมง

มิตรภาพ และความสะดวกสบาย ที่ป่าดงนาทาม :       ท่านปลัดประเวส หอมชื่น       นายแว่น และเพื่อนๆ       อบต. นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี       โทร. 045 381 063       www.phachanadai.th.gs

วิถีชีวิตท้องถิ่นบ้านอีสาน แบบดั้งเดิม :       ชาวบ้านซะซอม       โทร.045 410 102 , 086 255 536

ที่พักสบายๆ ใน อ.โขงเจียม :       อารยารีสอร์ท       โทร. 0 4535 1191

ความรู้เรื่องม้าพันธุ์พื้นเมือง ใน อ.โขงเจียม :       อาจารย์ชูชาติ  วารปรีดี (ครูนอกคอก แห่งรายการคนค้นคน)

และอีกหลายๆ รอยยิ้มในจังหวัดอุบลราชธานี ที่ทำให้ผมเขียนเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook