เก็บตก : แม่น้ำของแผ่นดิน ปีที่ 4

เก็บตก : แม่น้ำของแผ่นดิน ปีที่ 4

เก็บตก : แม่น้ำของแผ่นดิน ปีที่ 4
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
[dsc07471.jpg] เก็บตก : แม่น้ำของแผ่นดิน ปีที่ 4 ยอมรับตรงนี้เลยว่า นี่เป็นครั้งแรกของเราที่ได้มีโอกาสเข้าไปชมการแสดงแสง สี เสียง อันยิ่งใหญ่และตระการตามากที่สุดงานหนึ่ง เท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย และก็บอกได้เลยว่า ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด สำหรับ การแสดงแม่น้ำของแผ่นดิน ปีที่ 4 ชุด มหาบุรุษแห่งหิมพานต์ ที่ท่าราชวรดิฐ (รายละเอียดเพิ่มเติมอ่าน ที่นี่) 18.00 น.กว่าๆ เวลาดีๆที่เราไปถึงที่นั่น รองท้องกันด้วยของว่างจนปากไม่ว่าง และเดินดูซุ้มต่างๆ แล้ว 19.00 น. โดยประมาณ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ องค์ประธานจัดการแสดง เสด็จถึงที่ประทับชมบนอัฒจันทร์ลอยน้ำท ี่โอบล้อมหน้าเวทีซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ด้วยแมกไม้และหินผาราวกับเป็นป่าหิมพานต์จริงๆ มีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวังดูงดงาม ตระการตายิ่ง จากนั้น กฤษติกา คงสมพงษ์ ก็ออกมาในชุดสีขาวพลิ้ว กล่าวแนะนำและต้อนรับเป็นภาษาไทยและอังกฤษแก่ผู้ชม และเมื่อถึงเวลาอันสมควร ไฟบนเวทีก็ดับลงก่อนที่ จะเปิดออกอีกครั้งด้วยการ ใช้เทคนิคน้ำพุเต้นระบำและจอม่านน้ำฉายภาพ panorama ของแม่น้ำแสนสวยงาม พร้อมกับที่มีเสียงเพลงร่วมสมัยแนวแฟนตาซี แทรกตัวผ่านลำโพง จนรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ และตระการตาเป็นอย่างมาก เรื่องเริ่มต้นเข้าสู่องก์ 1 ด้วยการพายเรือออกมาและร้องเพลงของ "คนพายเรือข้ามสายรุ้งแห่งกาลเวลา" (รับบทโดย ชรัส เฟื่องอารมย์) เกี่ยวกับการแสวงหาความดีที่แท้จริงแห่งมหาบุรุษ จากนั้น ผู้ชมจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศในดินแดนหิมพานต์ วิมาน อุบลอัปสรในดอกบัวทิพย์ สัตว์ป่ามากมายน้อยใหญ่ พร้อมดนตรีที่มีกลิ่นของความเป็นสากลบวกไทยและอินเดีย มีการใช้เทคนิคหุ่นกลไกร่วมสมัย ซึ่งเป็นการผสมผสานทักษะในการสร้างหุ่น แบบตะวันตกกับลีลาการเคลื่อนไหวและกลไกของหุ่นไทย เพื่อให้มีความเป็นเทพนิยายมากขึ้น เนื้อเรื่องดำเนินมาอย่างรื่นรมย์เป็นสุขไม่นาน ก็เข้าสู่องก์ 2 ทันที ด้วยเสียงระเบิดโกลาหลอันเป็นสัญญาณเตือนว่า หิมพานต์กำลังเจอเหตุการณ์วิกฤต และเมื่อทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลง สุริยเทพก็ปรากฏออกมา แนะนำให้ตามหามหาบุรุษนั้นโดยมีการใช้เทคนิค Purotechnique ขนาดใหญ่ เพื่อแสดงถึงพลังอำนาจของสุริยเทพ เหล่าส่ำสัตว์ทั้งหลายไม่มีใครกล้าไป ต่างก็อ้างด้วยเหตุผลส่วนตัว จนในที่สุดปักษีและปักษาแห่งหิมพานต์ (รับบทโดย พลกฤษณ์ ถมยา และ เอมี่ กลิ่นประทุม) รับอาสาไปตามให้เอง ทั้งสององก์นี้ เรารู้สึกทึ่งกับเทคนิคการสร้างหุ่นเชิดขนาดใหญ่ที่สูงถึง 6 เมตร หุ่นเงา หุ่นคนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในงานนี้มาก เพราะผู้แสดงจะต้องชักเชิด และควบคุมหุ่นให้เป็นไปตามบท และการเคลื่อนไหวอย่างมีลีลาและเป็นธรรมชาติ งานนี้ ต้องขอปรบมือดังๆด้วยจริงๆ ต่อจากนั้น เวทีก็มีการสลับสับเปลี่ยนฉากอย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าสู่องก์ 3 ของการแสดง โดยปักษีและปักษาได้นั่งอยู่ในเรือของคนพายเรือ และต่างก็นึกหาหนทางตามหามหาบุรุษนั้น ไม่ได้ฟังคำพูดจากคนพายเรือให้ถี่ถ้วนเสียก่อนว่าว่าคือใคร ไฟเวทีเปิดเผยให้เห็นถึงขบวนกองทัพ ของกษัตริย์ผู้ทรงเดชานุภาพ ที่มีการสร้างบรรยากาศให้ ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรด้วยเสียงกลอง ดนตรี และเทคนิคภาพ Silhouette บนจอ ปักษีและปักษาปลอมตัวเข้าไปเป็นทหาร และเห็นการฆ่าฟันศัตรูมากมาย ทำให้เริ่มคิดว่า กษัตริย์องค์นี้ไม่น่าจะใช่บุคคลที่กำลังตามหาอยู่ จึงออกเดินทางตามหาต่อไป ระหว่างนี้ บนเวทีได้ใช้เทคนิคจอม่านน้ำอีกครั้ง เพื่อจะปรากฏภาพ Animation แบบ Panorama ของพญานาค โดยพญานาคกล่าวเป็นข้อคิดแก่ทั้งคู่ (และผู้ชม) ว่า จงตามหาต่อไป และขอให้ระลึกเสมอว่า ปัญญาคือความดีงาม จนได้พบกับบุคคลถัดมาที่ผู้คน ให้การยกย่องนับหน้าถือตามากมาย แต่ท้ายสุดก็กลับกลายเป็นทรราชย์ขึ้นมา ปักษีเริ่มท้อถอยในขณะที่ปักษาก็ยังหาบุรุษไม่ได้ ทั้งๆที่เหลือเวลาอีกวันเดียว ที่หิมพานต์จะต้องถูกทำลายไป คนพายเรือข้ามสายรุ้งแห่งกาลเวลา ก็ได้เวลาบอกถึงบุรุษผู้นั้นเสียที ทำให้ทั้งคู่รีบเดินทางไปพบ การแสดงองก์ที่ 4 นี้มีการใช้ท่าทางการร่ายรำผสมผสาน ระหว่างไทยและสากล (บางท่าก็ดูว่าจะคุ้นๆอยู่บ้าง) แต่ก็ถือว่าลงตัวมาก เข้าสู่องก์สุดท้าย ปักษีและปักษาได้พิสูจน์ความดีของกษัตริย์แห่งศานตินคร (รับบทโดย ยุรนันท์ ภมรมนตรี) ด้วยการแปลงกายเป็นพญาเหยี่ยวไล่จิกนกน้อย (ฉากนี้ใช้เทคนิคสลิงจนเราเสียวแทนคนแสดง) แต่กษัตริย์ทรงทอดพระเนตรเห็นเสียก่อน จึงขอให้ไว้ชีวิตนกนั้นและพูดกับพญาเหยี่ยวว่า จะยอมเฉือนเนื้อตัวเองให้กิน โดยมีการชั่งตราชั่งขนาดใหญ่เพื่อพิสูจน์ว่า มีน้ำหนักเท่ากับนกน้อยตัวนั้น จนกระทั่งสวรรคต ในที่สุด ทั้งปักษีและปักษาก็ได้พบกับ มหาบุรุษที่ค้นหามานาน และกษัตริย์ก็ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งพร้อมๆ กับหิมพานต์ก็กลับคืนสู่ความสงบสุขเหมือนเดิม การเสียสละชีวิตเพื่อชีวิตนี้ ถือว่าเป็นจุดสำคัญของเรื่องทั้งหมดที่ต้องการจะบอกถึงแก่นเรื่องว่า "การให้คือบารมีที่สูงสุด" คุณธรรมข้อนี้เป็นเหมือนข้อเตือนใจ สำหรับคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี ก่อนจบการแสดง มีการจุดพลุสีสวยงามหลายชุด ดูตื่นตา และเรียกเสียงฮือฮาและเสียงแฟลช จากผู้ชมได้มากพอสมควร นักแสดงกว่า 150 คน และทีมงานหลักๆ (จาก 500 กว่าคน) ออมายืนหน้าเวทีถวายความเคารพ ต่อองค์ประธานและขอบคุณผู้ชมอย่างพร้อมเพรียง เรียกเสียงปรบมือกราวใหญ่ได้อีกหน สำหรับฉากงดงามอลังการที่ใช้งบประมาณราว 60 ล้านบาท และทีมงานทุกฝ่าย การแสดง แม่น้ำของแผ่นดิน ปีที่ 4 นี้ มีให้ชมกันตั้งแต่วันนี้ - 13 กุมภาพันธ์ที่ท่าราชวรดิฐ ไม่ต้องห่วงเรื่องอันตราย เพราะมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพเรือ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า เป็นต้น งานนี้พูดได้อย่างเดียว อลังการงานสร้าง ไม่มีผิดหวังแน่นอน นายนก อ่านบทประทานสัมภาษณ์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯได้ ที่นี่ [dsc07448.jpg]
[dsc00008.jpg] [dsc00009.jpg]
[dsc00033.jpg] [dsc06228.jpg]
[dsc06231.jpg] [dsc06233.jpg]
[dsc06234.jpg] [dsc06243.jpg]
[dsc06250.jpg] [dsc06256.jpg]
[dsc06259.jpg] [dsc06269.jpg]
[dsc06289.jpg] [dsc06309.jpg]
[dsc06317.jpg] [dsc06331.jpg]
[dsc06340.jpg] [dsc06352.jpg]
[dsc06353.jpg] [dsc07483.jpg]
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook