เดินเล่นตลาดเก่าริมน้ำเพชรบุรี ถ่ายภาพ Street Art แวะกินช้าวแช่ตำรับเมืองเพชร

เพชรบุรี หรือ เมืองเพชร ใช้ประโยชน์จากที่ทำเลตั้งได้อย่างดีเยี่ยม เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แล้ว ยังเป็นเมืองติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย และมีสถานที่สำคัญเช่นวัดวาอาราม ไปจนถึงพระราชวังโบราณ จึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับวันพักร้อนระยะสั้นๆ และนอกจากบรรดาสถานที่ท่องเที่ยวที่เกริ่นมาทั้งหมดแล้วนั้น ยังมีพิกัดเล็กๆ ขนาบสองฝั่งของแม่น้ำเพชรบุรีอันเป็นแหล่งวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นมาเนิ่นนาน ที่น่าเข้าไปสำรวจ

 

บริเวณย่านเก่าตรงนี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ชุมชนคลองกระแชง ชุมชนซอยตลาดริมน้ำ และชุมชนวัดเกาะ แต่อากาศที่อบอ้าวในช่วงสายและท้องฟ้าครึ้มๆ ในช่วงฤดูมรสุมของวันนี้ ก็ไม่อณุญาติให้เราเดินเตร็ดเตร่ได้นานเท่าไร จึงเดินสำรวจ (แบบรีบๆ) ได้เพียงแค่สองชุมชนแรก

 

ถึงแม้ว่าเพชรบุรีจะอยู่ตกอยู่ในห้วงสะลึมสะลือจากการระบาดของโควิด-19 แต่ภายในวัดมหาธาตุวรวิหาร เพชรบุรี เป็นจุดเริ่มต้นการเดินชมย่านเก่าในครั้งนี้กลับคึกคักมีผู้คนหนาตาแวะเวียนเข้ามาสักการะอย่างไม่ขาดสาย ออกจากประตูวัดไปอีกฝั่งถนนเป็นทางเดินที่มุ่งหน้าไปสู่สะพานใหญ่ที่จะนำพาเราข้ามไปสู่ตลาดริมน้ำ ถ้าให้บอกถึงจุดเด่นของถนนเส้นนี้ก็คงเป็นบรรดาแม่ค้าลอตเตอรี่ที่ตั้งแผงกันหนาแน่น ใครที่เป็นสายเสี่ยงโชครับรองว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดแล้วหยุดอีกแน่นอน

 

แต่ก่อนที่จะถึงสะพานใหญ่ เราเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนคลองกระแชงที่เป็นหนึ่งในถนนสายวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของละแวกนี้ ทั้งสองฝั่งขนาบไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ และมีจุดสะดุดตาให้แวะเป็นระยะ เช่น บ้านสะสมผลงาน มิตร ชัยบัญชา พระเอกชื่อดังตลอดกาลของเมืองไทยที่พื้นเพเป็นคนเพชรบุรี ภายในห้องชั้นแรกของบ้านหลักเก่านี้จึงเต็มไปด้วยโปสเตอร์ผลงานภาพยนตร์สีสันสดใสสไตล์วินเทจไปจนถึงภาพถ่ายสีขาวดำสุดคลาสสิกของพระเอกในตำนาน

ไม่กี่นาทีต่อมาเราก็พบกับ สวนอนุสรณ์สุนทรภู่ อุทิศให้กับกวีเอกผู้ประพันธ์นิราศเมืองเพชรเป็นเรื่องสุดท้าย พื้นที่สีเขียวเล็กๆ ริมแม่น้ำนี้เป็นพื้นที่ของวัดพลับพลาชัย ที่มีชื่อเสียงเรื่องพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ พอมองไปยังอีกฝั่งแม่น้ำก็จะเห็นตลาดและอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของย่านนี้ที่มีสตรีทอาร์ตรูปหนังใหญ่ประดับอยู่อย่างโดดเด่น

 

เมื่อเดินมาถึงจุดตัดระหว่างถนนคลองกระแชงและถนนพงษ์สุริยา เราเดินขึ้นสะพานจอมเกล้า ที่ได้ชื่อว่าเป็นสะพานคอนกรีตแห่งแรกของเพชรบุรี เพื่อข้ามไปสู่ย่านตลาดเก่าที่มีความรุ่งเรืองอย่างมากในอดีต เพราะเมืองเพชรบุรีนั้นเคยทำหน้าที่เป็นเมืองท่าสำคัญ และผู้คนเดินทางค้าขายตามเส้นทางของแม่น้ำ แม้ว่าปัจจุบันนี้จะไม่มีภาพการค้าขายทางเรืออีกต่อไป แต่ภายในตรอกตลาดริมแม่น้ำเพชรบุรีที่ขนาบข้างด้วยอาคารทั้งสองฝั่งกลับถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของสตรีทอาร์ตหลากหลายลวดลาย กว่าจะเดินไปถึงตัวตลาดสดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ใช้เวลาไปพักใหญ่เลยทีเดียว

จากการสังเกตลวดลายต่างๆ บนฝาผนังบ้านเรือนในตรอกแห่งนี้ เราก็จะอนุมานได้ว่า ผู้คนในท้องถิ่นนั้นต้องเป็นทาสแมวกันอย่างแน่นอน เพราะสตรีทอาร์ตเกินครึ่งนั้นล้วนเป็นรูปแมวสุดน่ารักในหลากหลายอิริยาบถ แทรกด้วยภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมจีนที่ฝังลึกอยู่ในชุมชนนี้มาเนิ่นนาน

 

เพราะว่าเรามาถึงในช่วงสายของวัน ทำให้ตลาดสดนั้นวายไปเรียบร้อยแล้ว มีอยู่ไม่กี่ร้านที่ยังคงเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวหลงเวลาแบบเรา หนึ่งในนั้นคือ ร้านข้าวแช่ของคุณบังอร ที่อยู่คู่กับตลาดแห่งนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2524

 

ข้าวแช่สูตรต้นตำรับของเมืองเพชร ว่ากันว่ามาจากสูตรของเข้าจอมมารดากลิ่น ผู้มีเชื้อสายมอญ ที่ได้ติดตามรัชกาลที่ 4 มาประทับที่ประราชวังพระนครคีรี จากวัฒนธรรมที่ได้จากชาวมอญ ทำให้ข้าวแช่ของที่นี่ประกอบไปด้วยเครื่องเคียงหลักเพียง 3 อย่าง ได้แก่ ปลากระเบนผัดหวาน ผักกาดเค็มผัดหวาน และลูกกะปิ ใช้ช้อนทองเหลืองตักกินพร้อมกับข้าวแช่เย็นๆ พร้อมกลิ่นหอมอบควันเทียนชื่นใจ เสิร์ฟมาในชุดเครื่องลายคราม ราคาเพียงชุดละ 20 บาทเท่านั้น

 

เส้นทางที่เราเดินนั้นเหมือนวงกลม เพราะในที่สุดแล้วเส้นทางจากตรอกตลาดริมน้ำก็จะพาเราวนมาถึงสะพานใหญ่ ที่นำทางไปยังวัดมหาธาตุวรวิหารอีกครั้งหนึ่ง เราแวะเข้าไปสักการะหลวงพ่อวัดมหาธาตุและชมความงดงามของสถาปัตยกรรมของพระปรางค์ 5 ยอด เป็นการปิดท้ายก่อนโบกมือลาชุมชนอันทรงเสน่ห์แห่งนี้

 

หมายเหตุ : สามารถจอดรถได้ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร เพชรบุรี