10 ที่เที่ยวศรีลังกา ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดแห่งปีจาก Lonely Planet

10 ที่เที่ยวศรีลังกา ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดแห่งปีจาก Lonely Planet

10 ที่เที่ยวศรีลังกา ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดแห่งปีจาก Lonely Planet
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศรีลังกา ประเทศในแถบเอเชียใต้ ที่คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินนักกับการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศนี้ ซึ่ง Sanook! Travel เราได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมทริปการลงนาม MOU การร่วมมือระหว่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวศรีลังกา และได้ถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวในประเทศศรีลังกาด้วย ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกสำหรับดินแดนอารยธรรมอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าการเดินทางในครั้งนี้ได้เปลี่ยนความคิดของเราต่อประเทศศรีลังกาไปตลอดกาล ไปดูกันว่าประเทศที่ถูกยกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดแห่งปีของ Lonely Planet นี้ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้าง

1.Colombo City


65024654_2293970160684261_144

65078604_2293970374017573_529

นี่คือหนึ่งในไฮไลท์ของศรีลังกาที่คุณจะได้ซึมซับศิลปะวัฒนธรรมและประวัติความเป็นมาอันยาวนานของประเทศนี้จากเมืองหลวง Colombo เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์สีสัน ทั้งตึกรามบ้านช่องที่โดดเด่นแปลกตา เป็นสไตล์บริทิชโคโลเนียล เนื่องจากว่าศรีลังกานั้นเคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษอยู่หลายร้อยปี ทำให้ยังมีกลิ่นอายศิลปะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ผู้คนที่น่ารักและยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี มาเที่ยวศรีลังกาลองแวะไปเดินชมเมืองโคลอมโบ หรือจะนั่งรถสามล้อชมเมืองก็สามารถทำได้ แต่ต้องตกลงราคากับทางคนขับให้ดีเสียก่อน 

2.Independence Square (จัตุรัสแห่งอิสรภาพ)


65482603_2294010590680218_342

หนึ่งในจุดเช็กอินต้องห้ามพลาดในเมืองโคลอมโบนั่นก็คือ Independence Square หรือจัตุรัสแห่งอิสรภาพ สัญลักษณ์แห่งความเป็นอิสรภาพของชาวศรีลังกาต่อประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1948 ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศศรีลังกาเลยทีเดียว

9762_190709_0043

Google Map : Independence Square

3.Jami Ul Alfar Mosque (มัสยิดแดง)

65742036_2295704837177460_738

มัสยิดแดง หรือ "Jami Ul Alfar Mosque" Ig Spot อันโด่งดังของศรีลังกา เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยเห็นรูปของมัสยิดแดงแห่งนี้ผ่านทางไอจีท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกหลายๆ คนกันมาบ้างแล้ว มัสยิดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามและแปลกตามากๆ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1909 มีการใช้สีแดงและขาวสลับกันเป็นลายขวาง มองดูแล้วคล้ายกับสีลูกกวาดเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรูปทรงการออกแบบที่ดูยิ่งใหญ่ตระการตา เหมาะจะใช้เป็นแบ็คกราวด์ในการถ่ายภาพ เพื่อเก็บความทรงจำกลับไปจากศรีลังกากัน

65422288_2295705393844071_820

Google Map : Jami Ul Alfar Mosque

4.Gangaramaya Temple (วัดคงคาราม)

65284790_2294011390680138_698

วัดคงคาราม วัดไทยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในศรีลังกา เป็นวัดไทยนิกายสยามวงศ์ และเป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของศรีลังกา ภายในวัดมีความสงบร่มเย็นและเต็มไปด้วยศิลปะทางพระพุทธศาสนาอันทรงคุณค่ามากมาย เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองที่ประดิษฐานอยู่ด้านในพระอุโบสถพร้อมกับจิตกรรมฝาผนังที่ดูสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้หน่อต้นมาจากต้นศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาอินเดียด้วย และพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแก่ทั้งวัตถุมงคล และสิ่งของเครื่องใช้ ที่ทางวัดได้เก็บรวบรวมเอาไว้ให้เราได้เดินศึกษาประวัติความเป็นมาได้อย่างน่าสนใจ  

65107108_2294011774013433_148

Google Map : Gangaramaya Temple

5.วัดไทยพระปฐมเจดีย์ศรีลังกา

9762_190709_0041
9762_190709_0042

ออกจากตัวเมืองโคลอมโบ แวะมาเที่ยวที่วัดไทยพระปฐมเจดีย์ศรีลังกากันบ้าง วัดแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นวัดไทยแท้ๆ ที่เราคุ้นชินตากันในเมืองไทย ตั้งแต่พระอุโบสถรวมไปถึงองค์พระเจดีย์ที่มีรูปทรงคล้ายพระปฐมเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งเมื่อได้ทราบถึงประวัติความเป็นมา ก็ทำให้เราได้ถึงบางอ้อ เพราะว่า พระสีวลี ที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดนี้ ท่านได้มีโอกาสไปจำพรรษาที่วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมนั่นเอง หลังจากนั้นท่านจึงได้กลับมาสร้างวัดไทยในแผ่นดินบ้านเกิด จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมองค์เจดีย์ของวัดนี้จึงมีลักษณะคล้ายกับองค์พระปฐมเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม 

6.วัด Kelaniya Raja Maha Vihara (วัดกัลณียาราชมหาวิหาร)

9762_190709_0037

มาต่อกันที่อีกหนึ่งวัดสำคัญของศรีลังกา ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่ชาวพุทธในศรีลังกาให้การนับถือมากที่สุด วัดกัลณียาราชมหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ 1,900 กว่าปีที่แล้ว เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวศรีลังกาเชื่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เป็นสาวกอีก 500 รูป ได้เคยเสด็จมายังวัดแห่งนี้ในวันวิสาขบูชา ในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีขาวขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าบรรจุพระแท่นบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวมาโปรดพญานาคมณีอัคขิกะและบริวาร

9762_190709_0006

นอกจากนี้ยังมีวิหารที่ทุกคนจะต้องสะดุดตาด้วยความวิจิตรตระการตาของศิลปะแบบศรีลังกา ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา ที่ศิลปินชื่อดังของศรีลังกาได้อุทิศเวลากว่า 20 ปีในการรังสรรค์งานศิลปะบนผนังนี้ และที่สำคัญด้านในวิหารยังประดิษฐานพระสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ให้ประชาชนได้มากราบไหว้กันอีกด้วย ใครที่มาเที่ยวศรีลังกาต้องห้ามพลาดมาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้

9762_190709_0001
9762_190709_0005

Google Map : Kelaniya Raja Maha Vihara

7.Dambulla (วัดถ้ำดัมบูลลา)

9762_190709_0031

มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งศรีลังกา ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง วัดถ้ำ Dambulla เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของศรีลังกา วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อขึ้นไปที่วัดประมาณ 15 นาที ทางเดินเป็นพื้นปูนไล่ไปตามระดับความชันของภูเขาเดินได้ง่ายๆ

9762_190709_0009
9762_190709_0011

ด้านบนเราจะได้พบกับความมหัศจรรย์ระหว่างธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ ภาพที่เห็นคือภูเขาหินขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูกเจาะแบ่งออกเป็น 5 ห้อง กลายเป็นวัดถ้ำที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกาเอาไว้มากมาย ทั้งพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ถึง 49 เมตร จิตกรรมฝาผนังสุดตระการตาบอกเล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา เจดีย์ที่มีรูปทรงดูแปลกตา และพระรูปเหมือนจริงของพระราชาผู้สร้างวัดถ้ำ DamBulla แห่งนี้ขึ้นมา ความรู้สึกที่ได้มาเที่ยวที่วัดถ้ำ Dambulla แห่งนี้นอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของสถานที่แล้ว ยังได้ซึมซับประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรมของศรีลังกาอีกด้วย 

9762_190709_0010
9762_190709_0013

Google Map : Dambulla

8.Sigiriya (พระราชวังลอยฟ้า สิกิริยา)

65946288_2297369273677683_822

ห่างจากวัดถ้ำ Dambulla มาประมาณ 24 กิโลเมตร เรามุ่งหน้าเข้าสู่ Sigiriya พระราชวังลอยฟ้าสุดยิ่งใหญ่ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์สถานคนบาปลูกฆ่าพ่อเพื่อชิงราชสมบัติ โดยประวัติการสร้างพระราชวังแห่งนี้นั้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1020 พระเจ้ากัสสปะได้ทรงกระทำการชิงราชสมบัติจากพระราชบิดาของตัวเองนั่นก็คือพระเจ้าธาตุเสน และได้จับพระราชบิดาขังไว้ในคุกแล้วโบกปูนทับทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จนพระราชบิดาถึงแก่ชีวิต หลังจากนั้นพระเจ้ากัสสปะจึงได้ได้ขึ้นครองราชย์และได้มีรับสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นบนภูเขา Sigiriya อย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 7 ปีด้วยกัน พระเจ้ากัสสปะครองราชย์อยู่ได้นานถึง 18 ปีก็ได้ถูก พระโมคคัลาน์ พระอนุชาต่างมารดาที่ทรงลี้ภัยไปอยู่ที่อินเดียเมื่อครั้งพระเจ้ากัสปะยึดราชสมบัตินั้น ยกทัพจากอินเดียเพื่อมาชิงเอาราชสมบัติขึ้น กองทัพของพระโมคคัลาน์ได้ปิดล้อมภูเขา Sigiriya แห่งนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น พระเจ้ากัสสปะหมดหนทางสู้จึงได้ปลิดชีพตัวเองตายในพระราชวังแห่งนี้ในที่สุด หลังจากนั้นพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกปล่อยให้รกร้างก่อนที่ พันเอกเบส ฟอร์เบส นายทหารของอังกฤษ จะได้เข้ามาค้นพบความลับกลางป่าใหญ่แห่งนี้เมื่อศตวรรษที่ 19 และได้ทำการสำรวจจนพบร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากมายที่ภูเขาแห่งนี้ และเกิดการสำรวจอย่างละเอียดตามมาในยุคต่อจากนั้นจนถึงทุกวันนี้ 

9762_190709_0027

9762_190709_0016

ปัจจุบันภูเขา Sigiriya ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของศรีลังกา ที่ผู้คนต่างอยากจะเดินทางมาเพื่อพิชิต การจะขึ้นสู่ยอดเขา Sigiriya นี้จะต้องเดินผ่านเส้นทางบันไดสูงชันกว่า 2,200 ขั้น ระหว่างทางคุณจะสามารถชมวิวบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่บริเวณนี้ได้แบบพาโนรามาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีภาพวาดจิตกรรมบนผนังหินที่ถือได้ว่าเป็นภาพวัดทางประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ และก่อนที่จะขึ้นสู่ยอดของภูเขา Sigirya เราจะได้พบกับประตูสิงห์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมเท้าสิงห์ขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ข้างทางขึ้นสู่ยอดเขา เป็นหนึ่งในมุมถ่ายรูปสุดอันซีนที่ดูน่าเกรงขามมากๆ 

9762_190709_0015

ใช้เวลาเดินขึ้นไปบนยอดเขา Sigiriya แห่งนี้ประมาณ 30 นาที เราจะได้พบกับร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณ ของพระราชวังลอยฟ้า ที่ยังคงหลงเหลือรากฐานให้เราได้เห็น ซึ่งแค่มองจากฐานของสิ่งปลูกสร้างแล้วก็พอจะจินตนาการได้เลยว่าเมื่อครั้งอดีตนั้นพระราชวังแห่งนี้จะยิ่งใหญ่มากเพียงใด ความยิ่งใหญ่ของที่นี่นั้น หลายๆ คนยกให้เป็น Machu Picchu แห่งเอเชีย เลยทีเดียว และนอกจากความยิ่งใหญ่ตระการตาของซากปรักหักพังพระราชวังลอยฟ้าแห่งนี้แล้ว ด้านบนยังถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามเป็นอย่างมากอีกด้วย จากจุดนี้เราสามารถชมวิวทิวทัศน์ความสมบูรณ์ของป่าไม้ในศรีลังกา รวมไปถึงภูเขาน้อยใหญ่ที่สลับซับซ้อนกันไปมา เป็นภาพบรรยากาศที่สร้างความทรงจำให้แก่ผู้มาเยือนได้อย่างน่าประทับใจ หากจะถามว่าในการมาเที่ยวศรีลังกาครั้งนี้สถานที่ไหนที่เราชอบมากที่สุด เราขอยกให้ที่นี่เป็น The Best ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ใครกำลังวางแผนอยากมาเที่ยวศรีลังกาต้องไม่พลาด พระราชวังลอยฟ้าแห่งนี้

66107914_2297369360344341_439
9762_190709_0022  

Google Map : Sigiriya

9.Geragama Tea Factory

65536369_2298901203524490_320

หนึ่งในของขึ้นชื่อของศรีลังกาที่มาแล้วต้องลองนั่นก็ชื่อ Ceylon Tea หรือชาซีอลนนั่นเอง โดยเราจะพาทุกคนไปชมตั้งแต่ต้นทางการผลิตชาซีลอนที่ Geragama Tea Factory โรงงานผลิตชาที่มีชื่อเสียงในเมือง Kandy ที่นี่เราจะได้เห็นกระบวนการผลิตชาซีลอนชั้นดี ตั้งแต่การคัดเลือกยอดชาไปจนถึงการคัดแยกเกรดของชาแต่ละตัวก่อนจะนำบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ภายในโรงงานยังมีโซนร้านค้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อชาซีลอนไปเป็นของฝาก รวมไปถึงมีสาธิตการชงชาให้ทานกันด้วยบอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบการดื่มชาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นฟินแน่นอน

65450913_2298902390191038_482

65386457_2298901686857775_652

Goegle Map : Geragama Tea Factory

10.Temple of the Sacred Tooth Relic (วัดพระเขี้ยวแก้ว)

62605655_2300113816736562_773

วัดพระเขี้ยวแก้วถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง Kandy เมืองหลวงเก่าของประเทศศรีลังกา เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศานาสนาในประเทศศรีลังกาเป็นอย่างมาก มีประวัติเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. 913  เจ้าชายทันตกุมาร และเจ้าหญิงเหมชาลา แห่งแคว้นกาลิงคะ ในอินเดีย ได้แอบซ่อนพระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นพระเขี้ยวแก้วด้านซ้ายของพระพุทธเจ้า หนีไปยังเกาะลังกา หรือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน ตามพระบัญชาของพระบิดาพระเจ้าคุหเสวราช เพราะพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้เป็นที่ต้องการของเมืองต่างๆ มาก อาจก่อให้เกิดสงครามการแย่งชิงพระธาตุเขี้ยวแก้วได้ พระเจ้าคุหเสวราช เห็นว่าเกาะลังกานั้นเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการจะประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้ให้ปลอดภัยจึงได้มีพระบัญชาดังกล่าว

65319558_2300115273403083_422
65454116_2300119370069340_287

จนถึงปัจจุบันนี้พระธาตุเขี้ยวแก้วได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของศรีลังกาที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันเดินทางมาเพื่อสักการะบูชาในทุกๆ วัน โดยการเข้าชมพระธาตุเขี้ยวแก้วนั้นทางวัดจะเปิดให้เข้าชมเพียงแค่ 2 ช่วงเวลาต่อวันเท่านั้น นั่นก็คือในช่วง 6 โมงเช้า และ 6 โมงเย็นของแต่ละวัน จึงทำให้มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวศรีลังกาและประเทศอื่นต่างพร้อมใจกันมารอเข้าชมพระธาตุเขี้ยวเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นพลังแห่งความเชื่อและความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่มากๆ เราได้เห็นภาพของความศรัทธานี้ ทั้งบรรยากาศที่น่าเลื่อมใส และความงดงามตระการตาของสิ่งปลูกสร้างภายในวัดพระเขี้ยวแก้ว  ก็ทำให้รู้สึกขนลุกไปกับอารยธรรมอันยิ่งใหญ่แห่งนี้จริงๆ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของศรีลังกาที่ควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต

64837627_2300117993402811_657

65447526_2300122006735743_249

Google Map : Temple of the Sacred Tooth Relic

66059877_2298458263568784_754

และทั้งหมดนี้ก็คือความงดงาม ความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมศรีลังกา สถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยังคงรอให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้ไปสัมผัส ถึงแม้ว่าศรีลังกาจะเพิ่งมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้น แต่ผู้คนในเมืองก็เข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นมาพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวกันในทุกภาคส่วนทั้งในภาครัฐบาลและเอกชน ผู้คนยังคงรอคอยนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เรากล้าพูดเลยว่าผู้คนเป็นมิตรและน่ารักมากๆ ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิตเป็นอย่างดี การเดินทางก็สะดวกสบาย มีสายการบินจากไทยสามารถบินตรงไปลงที่ศรีลังกาได้หลายสายการบิน และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะถูกใจนักท่องเที่ยวสายแบ็คแพ็คเกอร์นั่นก็คือค่าครองชีพที่ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับเมืองไทย สามารถวางแผนไปเที่ยวกันได้แบบประหยัดงบ ที่นี่มีทั้งวัดวาอารามที่สวยงาม มีธรรมชาติทั้งภูเขาและทะเลที่ยังคงดิบและอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองสะอาดเรียบร้อยผิดคาดจากภาพที่เราคิดไว้มากๆ โดยรวมแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดินแดนแห่งอารยธรรมผืนนี้ถึงได้ถูกยกให้เป็นประเทศน่าเที่ยวประจำปีจากนิตยสาร Lonely Planet ประสบการณ์ในครั้งนี้เราอยากจะให้ทุกคนได้ลองเปิดใจและลองมาเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์แบบเราดู แล้วคุณจะรู้ว่าศรีลังกานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

อัลบั้มภาพ 89 ภาพ

อัลบั้มภาพ 89 ภาพ ของ 10 ที่เที่ยวศรีลังกา ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดแห่งปีจาก Lonely Planet

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook