2 แลนด์มาร์คสุดเก๋ จุดเช็คอินเมืองแพะแดนมังกร "กวางโจว"

2 แลนด์มาร์คสุดเก๋ จุดเช็คอินเมืองแพะแดนมังกร "กวางโจว"

2 แลนด์มาร์คสุดเก๋ จุดเช็คอินเมืองแพะแดนมังกร "กวางโจว"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ประเทศจีน” ซึ่งอาณาบริเวณถึง 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร กับ 22 มณฑล 5 เขตปกครองตนเอง รวมถึง 4 เทศบาลนคร นั้นเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามมากมาย ที่รู้จักกันดีก็คงหนีไม่พ้น กำแพงเมืองจีน, พระราชวังต้องห้าม, จัตุรัสเทียนอันเหมิน, พระราชวังฤดูร้อน เป็นต้น แต่อันที่จริงแล้วยังมีจุดแลนด์มาร์คสำคัญที่ซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย และคราวนี้เราก็จะพาทุกคนมาเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในเมือง “กวางโจว” กัน กับการร่วมออกเดินทางไปกับสายการบินไทยสมายล์ (Thai Smile Airways) ซึ่งเพิ่งจะเปิดเส้นทางใหม่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ ภูเก็ต-กวางโจว นั่นเอง

5

ต้องบอกก่อนว่าเมืองกวางโจวนั้นมีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญมากๆ ของจีน โดยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นมณฑลที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงมีพื้นที่ไม่ห่างไกลจาก 2 เขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลจีนอย่าง ฮ่องกง และ มาเก๊า มากนัก โดยกวางโจวได้ชื่อว่าเป็นประตูการค้าสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมากมายมหาศาล เพราะเป็น “ตลาดค้าส่ง” ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าหลากหลายประเภท โดยเฉพาะ “เสื้อผ้า” ที่หนุ่มๆ สาวๆ ที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งเป็นพิเศษน่าจะมีความสุขไม่น้อย รวมถึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาหาซื้อเสื้อผ้าไปจำหน่ายต่อก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

2
4

และการที่เราแวะเช็คอินที่ “อนุสาวรีย์ 5 แพะ” เป็นลำดับแรกก็คงไม่แปลกนัก เพราะนอกจากที่เขาจะเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เมืองรวงข้าว และ เมืองดอกไม้ แล้ว กวางโจวก็ยังได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองแพะ” อีกด้วย โดยมีตำนานเล่าว่า สมัยราชวงศ์โจว (ศตวรรษที่ 11 ก่อนคริสตกาล – 771 ปีก่อนคริสตกาล) มีเทวดา 5 องค์ทรงแพะประทับบนก้อนเมฆหลากสี เสด็จมาเหนือท้องฟ้าทะเลจีนใต้ แต่ละองค์ทรงถือรวงข้าวไว้ในพระหัตถ์ และประทานเป็นของขวัญแก่ทวยราษฎร์ พร้อมประทานพรให้ดินแดนแห่งนี้มีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ แคล้วคลาดจากความอดอยากยากแค้น จากนั้นก็เสด็จหายไป คงเหลือไว้แต่เพียงแพะทั้ง 5 ตัว หลังจากนั้นเมืองกวางโจวก็มีเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ชาวเมืองจึงเชื่อว่าเป็นเพราะแพะเทวดาทั้งห้าเป็นแน่แท้ ชาวเมืองกวางโจวจึงจัดตั้งอนุสาวรีย์ 5 แพะขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ และ “แพะ” ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองกวางโจวมาจนถึงทุกวันนี้

1

โดยอนุสาวรีย์ 5 แพะนั้นทำมาจากหินแกรนิตจำนวน 120 ก้อน แล้วแกะสลักประกอบเป็นแพะ 5 ตัว แพะตัวใหญ่คาบรวงข้าว 6 รวง ยืนสง่าอยู่บนดอยในสวนสาธารณะเยี่ยซิ่ว ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ชาวเมืองใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกวางโจว และมีขนาดใหญ่ที่สุด เปิดให้เข้าฟรีตั้งแต่ 06.00 น. จนถึง 22.00 น. ใครที่แวะเวียนไปแถวนั้นก็จะเห็นทั้งผู้คนหนุ่มสาวที่มาเดินเล่นถ่ายภาพหรือออกกำลังกาย ส่วนผู้สูงอายุทั้งหลายก็มาพบปะพูดคุย รำไทเก๊กกัน

3

เดินทางสู่จุดเช็คอินที่ 2 กันต่อ ตึก “Canton Tower” หรือในอีกชื่อหนึ่งอย่าง Guangzhou Tower ซึ่งเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ของเมืองกวางโจว กับความสูงถึง 600 เมตร (1,968 ฟุต) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกอันดับ 2 รองจาก Tokyo Skytree ที่ประเทศญี่ปุ่นเพียงแห่งเดียว Canton Tower สร้างเสร็จก่อนพิธีเปิดกีฬาเอเชียนเกมส์ที่เมืองกวางโจวเป็นสถานที่หลักสำหรับการจัดการแข่งขันเมื่อครั้งที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพในปี 2010 จะเริ่มต้นขึ้น ภาพส่วนเว้าส่วนโค้งอันน่าตื่นตากลายเป็นความประทับใจของทุกคนที่มาเยือน จนอาคารสูงตระหง่านแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า Supermodel นั่นเอง

7

นอกจากจุดแลนด์มาร์คแห่งเมืองกวางโจวทั้ง 2 แห่งแล้วก็ยังมี “แม่น้ำจูเจียง” (แม่น้ำไข่มุก) ซึ่งถือเป็นแม่น้ำสายสำคัญและเสน่ห์คู่เมืองแห่งนี้ก็ว่าได้ ใครมาเที่ยวตอนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วก็จะได้เห็นแสงสีและไฟสปอตไลท์สุดตระการตาเป็นไฮไลต์ คุณสามารถล่องเรือซึ่งใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงเพื่อสัมผัสสีสันยามค่ำคืนของเมืองกวางโจวที่บรรดาตึกริมสองฝั่งแม่น้ำพากันเปิดไฟอวดโฉมประชันกันอย่างสวยงาม ในขณะที่เรือแต่ละลำก็มีการประดับประดาด้วยดวงไฟสีต่างๆ และที่สำคัญเสียค่าใช้จ่ายในการล่องเรือเพียง 250 – 500 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนั่งชั้นไหน ชั้นล่างกับดาดฟ้าราคาก็ต่างกัน หรือหากต้องการรับประทานอาหารด้วยก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ส่วนใครที่อยากจิบเครื่องดื่มเบาๆ ก็มีบาร์คอยให้บริการ รวมถึงบริการพิเศษที่จะมีพนักงานเดินแจกถั่วถุงเล็กๆ ให้คบเคี้ยวกันแบบฟรีๆ อีกด้วย

8

ใครกำลังจะมีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยว ณ เมืองกวางโจว ประเทศจีน ก็สามารถแวะไปชมความงดงามของ 2 สถานที่ที่เราแนะนำกันได้เลย รับประกันความอิ่มเอมจนแทบจะไม่อยากกลับเลยทีเดียว

เรื่องน่ารู้

- ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงเมืองกวางโจวใช้เวลาเฉลี่ย 2.30 ชั่วโมง แต่หากเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตจะใช้เวลาเฉลี่ย 3 ชั่วโมง

- เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปท่องเที่ยวเมืองกวางโจว เนื่องจากมีอุณหภูมิที่สบายๆ ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ในขณะที่ฤดูร้อนซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมอาจไม่เหมาะแก่การท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ส่วนพฤษภาคมและมิถุนายนคือ 2 เดือนที่จะมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก

- ค่าเงินในช่วงนี้ 1 บาทเท่ากับประมาณ 5 หยวน สามารถอัพเดตได้ตามเว็บไซต์ของทุกธนาคาร

- การเดินทางในเมืองกวางเจาก็มีหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น รถไฟใต้ดิน, รถประจำทาง, แท็กซี่ ส่วนใครอยากเช่ารถขับเอง ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศนั้นไม่สามารถใช้ในประเทศจีนได้ ต้องยื่นเรื่องขอทำใบอนุญาตขับขี่ของจีนโดยเฉพาะเท่านั้น

 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ 2 แลนด์มาร์คสุดเก๋ จุดเช็คอินเมืองแพะแดนมังกร "กวางโจว"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook