15 แหล่งท่องเที่ยว “มรดกโลก” ที่ต้องห้ามพลาด!

15 แหล่งท่องเที่ยว “มรดกโลก” ที่ต้องห้ามพลาด!

15 แหล่งท่องเที่ยว “มรดกโลก” ที่ต้องห้ามพลาด!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในโลกใบนี้ มีสถานที่ที่องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่ง “มรดกโลก” ไว้ทั้งสิ้น 1,073  แห่ง และนี่คือ 15 แห่งที่ไม่ควรพลาดไปเช็กอินให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ซึ่งวันนี้ Sanook! Travel ขอแนะนำสถานที่ 7 แห่งแรกที่ควรไปเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยกันก่อน ดังนี้

1.อุทยานพลิตวิเซ่ (Plitvice Lakes) : โครเอเชีย

1

อุทยานแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1979 ซึ่งใครก็ตามที่ได้มาที่นี่จะมีความรู้สึกราวกับท่องอยู่ในโลกของเทพนิยาย

โดยมีทะเลสาบมากมายถึง 16 แห่งที่เชื่อมต่อถึงกัน อีกทั้งน้ำในทะเลสาบก็สวยงามด้วยสีเขียวมรกต และสีเทอร์ควอยซ์ด้วย

2.แกรนด์แคนยอน (The Grand Canyon) : สหรัฐอเมริกา

2

แกรนด์แคนยอน ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา คือความงดงามทางธรรมชาติของหินผาที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำโคโลราโด โดยส่วนของหน้าผามีความลึกเกือบ 1,500 เมตรเลยทีเดียว

3.อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส (Los Glaciares National Park) : อาร์เจนตินา

3

อุทยานแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือพื้นที่ 1 ใน 3 จะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง

ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบน้ำแข็ง และธารน้ำแข็งต่างๆ ท่ามกลางวิวภูเขาที่โอบล้อมอยู่

4.บริกเกน (Bryggen) : นอร์เวย์

4

บริกเกนเป็นเมืองท่าเก่าแก่ที่โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนในสมัยศตวรรษที่ 18 ที่มีสีสันสวยงามเรียงรายเป็นแนวยาวริมอ่าวจอดเรือ

จนถูกยกให้เป็นเมืองมรดกโลก ที่ใครๆ ต่างก็ต้องแวะมาถ่ายรูปถ้าได้แวะเวียนมาที่เมืองนี้

5.ทางเดินยักษ์ (Giant’s Causeway) : ไอร์แลนด์เหนือ

5

หินภูเขาไฟที่เย็นตัวลงทำให้เกิดความงามทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง บริเวณแนวชายฝั่งของไอร์แลนด์เหนือ โดยเป็นการเรียงตัวของแท่นหินทรง 6 เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง  

ซึ่งมีตำนานที่เล่าขานกันว่าเกิดจากการสร้างทางเดินหรือถนนของยักษ์ที่ชื่อว่า ฟินน์ แม็คคูล (Finn McCool) เพื่อข้ามมหาสมุทรไปยังสกอตแลนด์

6.นครเปตรา (Petra) : จอร์แดน

6

นครเปตรา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มหานครสีกุหลาบ” เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี  

โดยจุดเด่นของสถาปัตยกรรมอยู่ที่การแกะสลักภูเขาสีชมพูให้เป็นมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสูงถึง 40 เมตร กว้าง 28 เมตร

7. อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน (Wulingyuan) : จีน

7

อุทยานแห่งนี้อยู่ในเมืองจางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน ซึ่งมีความงามทางธรรมชาติที่งดงาม อันเนื่องมาจากมีเสาหินควอตไซต์

ที่แปรสภาพมาจากหินทรายตั้งตระหง่านกว่า 3,100 ต้น อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งหุบเขา น้ำตก ถ้ำ และสะพานหินธรรมชาติขนาดใหญ่  2 แห่ง ให้ได้ตื่นตาตื่นใจด้วย

8.ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) : กัมพูชา

8

ปราสาทนครวัด เป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมราฐ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะขอมโบราณที่มีอายุนับพันปี

แต่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อปี 2008 ในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เมืองพระนคร”

9.เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) : ออสเตรเลีย

9

เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ซึ่งอยู่บริเวณนอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร ถือเป็นแนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดในโลก

แต่จากภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ส่งผลให้แนวปะการัง 2 ใน 3 เกิดสภาวะฟอกขาว เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นมากจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้

10.หมู่เกาะโซโคตรา (Socotra Archipelago) : เยเมน

10

หมู่เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดีย ขึ้นชื่อเรื่องต้นไม้ที่มีรูปร่างแปลกตา จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “กาลาปากอสแห่งมหาสมุทรอินเดีย”

โดยหมู่เกาะแห่งนี้มีต้นไม้มากมายถึง 825 สายพันธุ์ หากใครมาเยือนและไม่ได้มาชมต้น Dragon’s Blood Tree หรือต้นเลือดมังกร (ยางที่ไหลจากลำต้นมีสีแดงคล้ายเลือด)

ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว

11.น้ำตกอิกัวซู (Iguazu Falls) : บราซิล

11

อิกัวซูเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับอาร์เจนตินา  ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่มากถึง 275 สาย

เรียงรายไปตามความยาว 2.7 กิโลเมตร  และมีความสูงตั้งแต่ 60-82 เมตร ซึ่งจุดที่สูงที่สุดคือน้ำตก Devil’s Throat หรือที่เรียกกันว่า “คอหอยปีศาจ”

12.พุกาม (Bagan) : เมียนมา

12

พุกามถือเป็นอาณาจักรโบราณแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของเมียนมา และได้รับการขนานนามว่า “ดินแดนเจดีย์สี่พันองค์”

แต่เนื่องจากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เจดีย์ได้รับความเสียหายจำนวนมากจนลดเหลือเพียง 2,200 องค์เท่านั้น

13.อุทยานแห่งชาติโยเซมิติ  (Yosemite National Park) : สหรัฐอเมริกา

13

อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร จึงควรใช้เวลาซึมซับความสวยงามของธรรมชาติอย่างน้อย 1 วันเต็มๆ

ซึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือ ยอดเขาโดมครึ่งซีก (Half Dome) ความสูงกว่า 1,440 เมตร แต่หากมีเวลาน้อยก็ไม่ควรพลาดต้นไม้ยักษ์ Sequoia เป็นอันขาด

14.ตาปูตาปัวเตีย (Taputapuatea) : เฟรนช์โปลีนีเซีย

14

องค์การยูเนสโกเพิ่งประกาศให้ตาปูตาปัวเตียเป็นแหล่งมรดกโลกไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตาฮิติ

เกาะที่ใหญ่ที่สุดของเฟรนช์โปลีนีเซียในมหาสมุทรแปซิฟิก  ซึ่งนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมโปลีนีเซียอันเก่าแก่แล้ว ก็ยังมีบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยป่า หุบเขา ทะเลสาบ และแนวปะการังด้วย

15.จัตุรัสแดง (Red Square) : รัสเซีย

15

จัตุรัสแดงซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโก ถือเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย และเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย

ทั้งพระราชวังเครมลิน วิหารเซนต์บาซิล พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และสุสานวลาดิเมียร์ เลนิน อดีตผู้นำของสหภาพโซเวียต จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในปี 1990

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ ของ 15 แหล่งท่องเที่ยว “มรดกโลก” ที่ต้องห้ามพลาด!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook