สวัสดี "บาร์เซโลน่า" เมืองที่ถูกสะกดไว้ด้วยมนต์ของ "อันโตนิโอ เกาดี้" สถาปนิกและศิลปินผู้ยิ่งใหญ่

สวัสดี "บาร์เซโลน่า" เมืองที่ถูกสะกดไว้ด้วยมนต์ของ "อันโตนิโอ เกาดี้" สถาปนิกและศิลปินผู้ยิ่งใหญ่

สวัสดี "บาร์เซโลน่า" เมืองที่ถูกสะกดไว้ด้วยมนต์ของ "อันโตนิโอ เกาดี้" สถาปนิกและศิลปินผู้ยิ่งใหญ่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นครั้งแรกกับการไปเยือนประเทศแถบยุโรป จริงๆ ถ้าเราไม่ได้ไปทำงานชาตินี้ก็คงหาโอกาสไปเที่ยวไม่ได้ เพราะราคาค่อนข้างสูง สเปน คือเป้าหมายที่เรากำลังจะเดินทางไปเจอในครั้งนี้ แค่ได้ยินชื่อก็ตื่นเต้นแล้ว บาร์เซโลน่า คือเมืองในฝันของหลายๆ คนหากได้เดินทางมาเที่ยว บาร์เซโลน่าเมืองมีความโดดเด่นในเรื่องสถาปัตยกรรม ข้าวผัดปาเอญ่า ชายหาดที่สวยงามและสถานที่ตั้งของยอดทีมฟุตบอลที่ดีสุดในโลก


การเดินทางคร่าวๆ ก็คือทีมของเรานั่งเครื่องท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พักต่อเครื่องที่ดูไบ-ลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล (ผ่าน ตม. เข้าเมืองที่นี่) หลังจากนั้นนั่งเครื่องต่อไปสเปน อารมณ์เหมือนนั่งเครื่องจากกรุงเทพไปเชียงใหม่

Let's go สวัสดีอากาศเย็น เดี่ยวเจอกันกันนะเมืองแห่งสีสัน! และสถาปัตยกรรมล้ำค่าที่งดงามติดอันดับโลก

บาร์เซโลนา (Barcelona) เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เป็นเมืองท่าสำคัญ อีกทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นอีกเมืองในฝันของนักเดินทางหลายๆ คนที่หากมีโอกาสสักครั้งในชีวิตต้อง ไปเยือนให้ได้

สำหรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่แล้วการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองบาร์เซโลน่าเท่าที่ผู้เขียนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้นั้นมีหลายวิธีมากครับ ไม่ว่าจะเป็น รถแทรม(รถราง), รถไฟ, รถเมล์ รวมไปถึงรถไฟใต้ดิน(เมโทร) และยังมี แท็กซี่ ไว้บริการ ราคาก็ไม่ได้แพงมาก คือสามารถสอบถามและท่องเที่ยวเองได้เลย

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนแล้วครับทริปนี้ผมมาทำงานตรงนี้เลยไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ เพราะคณะของเราเหมารถบัสไว้สำหรับการเดินทางทำงานและท่องเที่ยวทั้งทริปเอาเป็นว่าเราจะคุยกันแค่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของเมืองครับ

เริ่มกันที่ เนินเขา Montjuïc สถานที่ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงาน Mobile World Congress 2017 และสถานที่จัดงานเปิดตัว Huawei P10 และ P10 Plus สุดยอดสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก งานหลักที่เราเดินทางไปร่วมในครั้งนี้ ส่วนใครที่กำลังมองหามือถือใหม่ก็สามารถเข้าไปอ่านรีวิวที่ทางทีมงานได้ทำไว้ดูได้ครับ รีวิว Huawei P10 มือถือกล้องเทพที่มี Leica เป็นเครื่องรับประกันทั้งหน้าและหลัง

อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของบาร์เซโลน่าที่ทุกคนจะต้องแวะมาแชะภาพคู่กับมัน ในอดีตคือสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการต่าง ๆ ของชาวเมืองครับ แถมใกล้ๆ ยังมี น้ำพุ (Magic Fountain of Montjuïc) ที่ในยามค่ำคืนเราจะได้เห็น เป็นอีกแห่งที่คึกคักไม่แพ้ที่อื่นๆ ในเมือง

อาคาร Casa Mila (La Pedrera) ตึกประหลาดอีกหนึ่งมรดกโลก จากจินตนาการแฟนตาชีของ อันโตนีโอ เกาดี  อีกเช่นเคย

อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อค.ศ. 1906 อพาร์ทเม้นท์ที่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ Gaudi  ลักษณะคล้ายกับถ้ำที่ถูกเจาะจริงๆ มันคล้ายๆ จากการออกแบบจากจินตนาการเช่นเดียวกับ คาซ่า บาทิโย่ว (Casa Batlló)  ลานรอบบ้าน ห้องใต้หลังคา ชั้นล่าง พื้นที่บนหลังคา เปิดให้ผู้คนเข้าชมเพื่อดูตัวอย่างงานของเกาดี และบางส่วนเป็นอพาร์ทเมนต์ La Pedrera ที่ปัจจุบันยังเปิดให้คนได้เช่าอยู่ครับ จริงๆ แอบอยากรู้ความรู้สึกของคนที่มาเช่าพักอาศัยอยู่เหมือนกันนะว่ารู้สึกยังไง?

พิพิธภัณฑ์ คาซ่า บาทิโย่ว (Casa Batlló) บ้านของของตระกูลบัตโล่

มีแท็บเล็ตให้เราได้ใช้งานด้วยครับ เป็นโปรแกรมขึ้นมานะกว่างที่เดินเที่ยวชม เราจะเห็นภาพสามมิติทั่วทั้งตัวอาคาร ผมชอบนะดูมันมีอะไรดี

ในอดีตคือบ้านพักของมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยแห่งเมือง ตามตำนานเล่าว่าเศรษฐีผู้ร่ำรวย ได้สร้างให้เป็นของขวัญแก่ภรรยาและเป็นการว่าตนเองรวยไม่แพ้ใครในเมือง ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งสร้างขึ้นโดย "แอนโทนี่ เกาดี้" อีกเช่นเคย จุดเด่นของที่นี่คือ ระเบียงด้านหน้าที่ถูกออกแบบอย่างบรรจงมองดูที่คล้ายกับปราสาทในเทพนิยายสุด ผมแอบเรียกว่าบ้านแม่มด

เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ (Barcelona Picasso Museum)

hwup5742

สำหรับคนรักศิลปะคงไม่มีใครไม่รู้จักศิลปินชื่อดังก้องโลกอย่าง  "ปาโบล ปีกัสโซ จิตรกรที่มีผลงานสร้างสรรค์มากที่สุดในศตวรรษที่ 20 พิพิธภัณฑ์ Barcelona Picasso Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ  ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของบาร์เซโลนา ที่แห่งนี้มีผลงานของปิกัสโซมีจัดแสดงไว้มากกว่า 3,500 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด, ภาพเขียน, รูปแกะสลัก และงานเซรามิกต่างๆ โดยแบ่งตามช่วงอายุของเค้า จะสังเกตว่างานในแต่ละยุคแต่ละวัยของเค้าไม่เหมือนกันเลย น่าทึ่งมาก

ปาร์ค กูเอล (Park Guell) สวนสาธารณะสุดพิลึกที่สุดของเมือง

ตึกทรงเหมือนบ้านขนมปังถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย

ปาร์ค กูเอล จะตั้งอยู่ห่างออกมาจากใจกลางนิดหน่อยแต่ก็ออกมาไม่มากนัก และมันคือหนึ่งในบรรดาผลงานชิ้นแรกๆ ของเกาดีในฐานะสถาปนิก ที่นี่เป็นคอมเพลกซ์สวนที่มีองค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรม ไฮไลท์ของสวนแห่งนี้คือมันถูกตกแต่งไปด้วยงานปฏิมากรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่ประดับตกแต่งลวดลายด้วย เครื่องกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้น และมันได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2005 แล้วด้วยครับ

สวนสาธารณะ ปาร์ค กูเอล ตั้งอยู่บนเขาเอลการ์เมล ในเขตกราเซีย หากเราขึ้นไปด้านบนสุดแล้ว จุดนั้นจะทำให้เราเห็นตัวเมืองยาวไปจนถึงขอบชายฝั่งทะเลซึ่งจะสวยสดงดงามมาก

มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (La Sagrada Familia) สัญลักษณ์ของบาร์เซโลนาและที่พักร่างสุดท้ายของ "แอนโทนี่ เกาดี้"  

โบสถ์ที่มีความสูงโดดเด่นมากที่สุดของเมืองบาร์เซโลนา ออกแบบโดย "แอนโทนี่ เกาดี้"  อีกแล้ว ไกด์บอกว่าสร้างมานานมากนานกว่า 100 แล้วและในปัจจุบันมันยังไม่เสร็จ(คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในอีก 30 ปีข้างหน้า) ไกด์ของเราบอกว่าหาได้มาเที่ยว ต้องมายังโบสถ์ แห่งนี้ไม่งั้นคือมาไม่ถึงบาร์เซโลน่าครับ

งานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ก่อนจะสิ้นลม... จากภาพจะเห็นว่าเครนกำลังทำงาน อีก 30 ปีเราอาจได้เจอกันอีก(คาดว่าอีก 30 จะทำการปรับปรุงเสร็จ)

ความงดงามของ โบสถ์ ซากาด้า แฟมีเลีย นอกจากภายนอกจะงดงามจนได้ชื่อว่าเป็น UNESCO World Heritage Site แล้วนั้นความงดงามขอภายในก็งดงามชนิดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นภาพให้เห็นได้ ภาพถ่ายที่เก็บมาก็ไม่สามารถเล่าถึงความงดงามนั้นได้ ผู้ออกแบบได้คำนึงถึงทิศทางของแสงแดดที่จะตกกระทบกระจกสีต่างๆ ทำให้เกิดลวดลายสีสันสวยงามภายใน

และที่นี่ยังเป็นที่เก็บร่างของ "เกาดี้" สถาปนิกและศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้อีกด้วย อันโตนิโอ เกาดี้ เสียชีวิตลงใน ปี ค.ศ. 1926 ขณะที่เกาดี้อายุได้ 73 ปี ด้วยอุบัติเหตุจากการโดนรถรางเฉี่ยวชนจนสาหัส ในวันที่ 10 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1926  เขาก็เสียชีวิตลงหลังอุบัติเหตุ 3วัน

ถนนลาลัมบรา (La Rambla street) ถนนที่ไม่เคยหลับ

และที่พลาดไม่ได้คือการได้เดินเล่นบนถนน "ลาลัมบรา" ถนนแห่งการท่องเที่ยวใจกลางเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองนี้ สองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยความที่ "บาร์เซโลน่า" เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอีกเมืองที่มีผังเมืองดีที่สุดในโลก ทำให้การเดินเล่นบน "ถนนลาลัมบรา" เดินได้ง่าย และมีมุมให้เราได้ชื่นชมความงานของ สถาปัตยกรรมอันสวยงาม เกือบทุกซอกซอยของถนนจริงๆ ครับ

เดินย้ำหาดทรายที่ Port Vell ท่าเรือเก่าแก่ของเมืองบาร์เซโลน่า 

เหล่าเรือยอร์ชและเรือเฟอร์รี่นับพันๆ ที่จอดเรียงรายอยู่ท่าเรือ ทำให้คิดถึงภาพที่เห็นตามนิตยสารของนักเดินทางหลายๆ คนที่หากได้มาเที่ยวฝั่งยุโรปแล้วจะมีภาพแบบนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ถูกตีพิมพ์ วันนี้ผมมีภาพนี้แล้วครับ

แห่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองบาเซโลน่าอีกแห่งหนึ่งเดิมเป็นท่าเรือเก่าครับ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นท่าสำหรับจอดเรือยอร์ชและเรือเฟอร์รี่ไปแล้ว จากภาพจะเห็นได้ว่ามีเรือยอร์ชจอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ให้อารมณ์เหมือนอยู่ชายทะเล บรรยากาศชิวๆ สบายๆ มีคนมานอนอาบแดดบางปะปลาย แต่ทะเลบ้านเขาไม่สวยเหมือนบ้านเรานะ และหากยังจำกันได้ในปี 1992 สถานที่ดังกล่าวเคยเป็นสถานที่จัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคมาแล้ว

แวะถ่ายภาพที่ Arc de Triomf ประตูชัยแห่งเมืองบาร์เซโลน่า

สำหรับข้อมูลคร่าวๆ ของ Arc de Triomf คือมันน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ จัดงาน 1888 World Fair เมื่อครั้งที่บาเซโลน่าเป็นเจ้าภาพจัดงานครับ เราเดินเล่นกันไม่นานครับเพราะว่าแม้อากาศจะหนาว(ดูจากการแต่งตัวของนางแบบ) แต่ว่าแดดแรงมาก อยู่นานอาจมีหน้ามืด ลมจับได้ เอาเป็นว่าไปเดินเที่ยวที่อื่นกันต่อดีกว่าครับ



ต้องห้ามพลาดแวะชิมกาแฟที่ตลาดชื่อดัง Mercado de La Boqueria เปิดอ่านรีวิวของใครๆ ก็ต้องมีตลาดแห่งนี้อยู่ในสถานที่ต้องห้ามพลาด!!

จริงๆ แล้วหากพูดกันตรงไปตรงมาตลาด Mercado de La Boqueria  มันก็เหมือนตลาดสดบ้านเราครับ มีทุกอย่างให้ซื้อกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นของคาว ของหวาน ผักผลไม้สด แต่ด้วยที่เป็นเมืองหนาวทำให้ตลาดสดแห่งนี้ละลานตาไปด้วยสีสันของพืชผักเมืองหนาว ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวันครับตั้งแต่  08.00-20.30 น. (บางที่ก็อยากให้ตลาดสดบ้านเราเป็นแบบนี้บ้าง)


เหล่าพืชผักเมืองหนาว มองไปมองมาก็มีหลายอย่างเหมือนเมืองไทยนะ ผักทุกอย่างสดและดูน่ากินมาก อาจจะด้วยเพราะคนสเปนชอบกินผักและต้องมีผักเป็นเมนูบนโต๊ะอาหารเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมนูหลักหรือเครื่องจิ้ม เครื่องเคียง

ของดีอีกอย่างที่อยากให้ได้ลองกัน หากคุณได้มาเที่ยวสเปน นั้นคือ Jamon Iberico (ฮามอน อิเบอริโค) แฮมที่แพงที่สุดในโลก อาหารสเปนจากหมูดำ ซึ่งมันเป็นขาหมูดิบ ที่ได้ผ่านการหมักและรมควันก่อนจะนำมาแล่บางๆ รับประทานแกล้มกับเมลอน ชีส หรือ แม้กระทั่งนำไปประกอบอาหาร แต่ส่วนใหญ่มักนิยมทานแกล้วคู่กับเครื่องดื่มอย่าง Wine ครับ

ราคาของ Jamon Iberico นั้นค่อนข้างแพงมากหากแปลงเป็นเงินไทย กิโลหนึ่งเป็นหลักหลายพันบาทไทยเลย คนไทยนิยมซื้อกลับมาเป็นของฝาก ซื้อกันแบบยกขาเลย พอกลับมาถึงก็นำไปให้ทางห้างที่มีเครื่องสไลด์หมูจัดการต่อให้

รสชาติจะออกเค็มเป็นพิเศษ

เห็นขนมเหล่าขนมปังแล้วทำให้นึกถึงคอกาแฟ บอกให้ว่าในตลาด Mercado de La Boqueria มีร้านกาแฟอยู่หนึ่งร้านทำกาแฟได้อร่อยมาก หลายๆ คนที่เดินทางมาเที่ยวเป็นครั้งที่สองมักกลับมาช้ำที่ร้านนี้เสมอ เอาเป็นว่าหากใครได้มาเที่ยวก็ลองแวะมาดูนะ เรื่องอร่อยต้องบอกต่อ!!

อาหารการกินแนะนำว่าต้องลอง "ข้าวผัดปาเอญ่า" อาหารที่มีต้นกำเนิดจากเมือง Valencia (บาเลนเซีย)

ว่าด้วยเรื่องของวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของสเปน มื้อกลางวันของชาวสเปนจะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 - 15.00 น. ซึ่งหากเป็นบ้านเรามื้อนี้คืออาหารเช้าครับ ซึ่งในมื้อนี้จะเป็นอาหารที่ทานหนักและมากที่สุดของชาวสเปน  (มื้อแรกของผมที่สเปนได้ทานอาหารตอนเกือบตี 1 เมืองไทยเลยครับ) ส่วนมื้อเย็นหรือมื้อค่ำแบบบ้านเรา คนสเปนจะทานกันในช่วงเวลา 20.00 - 21.00 น.

ข้าวผัดสเปนจานนี้หากเปรียบการมาเที่ยวเมืองไทยก็คือการได้ลองสั่งต้มยำกุ้งหรือผัดไทยมาลองกินครับ ไกด์ของเรากระซิบเพิ่มเติมมาว่าที่ บาร์เซโลน่า นั้นร้านขาย "ปาเอญ่า" อร่อยๆ และดังมากๆ จะอยู่ในย่าน Barceloneta (แถวชายหาด) เกือบทั้งหมด

ที่สเปนมีอาหารขึ้นชื่อและอยากให้ลองทานหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัด เบียร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนตัวแล้วชอบข้าวผัดสเปนมากโดยเฉพาะหน้าชีฟูด และอีกอย่างที่สเปนจะเปิดร้านอาหารหลังจากบ่ายไปแล้ว พร้อมทั้งมีเวลาปิดพักร้านด้วยครับ บางร้านก็ปิดร้านพักจริงๆ จังมากครับ

ส่วนมือค่ำนั้นที่นี่เขาจะออกมาทานอาหารกันดึกมาก 4 ทุ่มยังไม่มีแขกมาเลย ส่วนผับบาร์จะเปิดกันยันเช้า สนุกสนานกันใหญ่ ทุกคนแต่ตัวกันดูดีออกมาทานอาหาร เรียกว่าเป็นอีกสีสันที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเพลินตามาก ยิ่งเป็นหนุ่มๆ สเปนนิสด้วยแล้ว หล่อ...แซ่บลืม!! ทางกลับบ้านทุกคนเลย...

"เตือนภัย ระวังโดนล้วงกระเป๋า เพราะสเปนคือที่หนึ่งของโลก

ข้อควรระวังด้วยความที่ "สเปน" มีจำนวนกลุ่มผู้อพยพเข้ามาเยอะมาก ดังนั้นทำให้ประเทศนี้มีมิจฉาชีพเยอะมากเช่นกัน โดยเฉพาะนักล่วงกระเป๋าเพราะฉะนั้น หากเป็นไปได้ อยากให้ถ่ายเอกสารหนังสื่อเดินทางไว้ที่ห้องพักจะดีทีสุด ส่วนของมีค่าอื่นๆ หากเป็นไปได้อยากให้ติดตัวเท่าที่จะเป็นครับ เพราะหากเอกสารการเดินทางของเราสูญหาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะที่ บาร์เซโลน่า ไม่มีสถานทูตไทย เราต้องเดินทางไปเดินเรื่องทำเอกสารใหม่ที่ "มาดริด"



แอบเสียดายที่ทริปนี้พวกเราไม่ได้ไปเยือน “คัมป์นู” สนามฟุตบอลของทีมจากต่างดาว อาจจะด้วยเพราะมีแต่สาวๆ เลยเลือกที่จะเดินเล่นช้อปปิ้งมากกว่า มาครั้งแรกผมก็หลงเสน่ห์และความน่ารักของชาวคาตาลันแล้วครับ สักวันผมจะกลับไปแน่นอน... May we meet again.

อัลบั้มภาพ 414 ภาพ

อัลบั้มภาพ 414 ภาพ ของ สวัสดี "บาร์เซโลน่า" เมืองที่ถูกสะกดไว้ด้วยมนต์ของ "อันโตนิโอ เกาดี้" สถาปนิกและศิลปินผู้ยิ่งใหญ่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook