มาเรียนสเก้ ลาสเน่ คืนหลอนในหุบเขาหิมะ

ยุโรป ดูเหมือนจะเป็นปลายทางแห่งความฝันของใครหลายคน อาจเป็นเพราะประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปล้วนมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน ถูกหล่อหลอมจากกาลเวลาก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมอันมีค่างดงาม อีกทั้งการตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูงทางด้านทิศเหนือของทวีปติดกับมหาสมุทรอาร์กติก ทำให้มีภูมิอากาศหนาวเย็นเหมาะสมกับการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างสูง ยุโรปจึงเป็นเสมือนดินแดนในฝันของนักเดินทางที่ต้องการไปสัมผัสสักครั้งหนึ่ง ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วยเช่นกัน

 ทวีปยุโรปถูกแบ่งออกเป็นภูมิภาคต่างๆ คล้ายกับประเทศไทยของเรา อันได้แก่ ยุโรปเหนือ ยุโรปใต้ ยุโรปตะวันตก และยุโรปตะวันออก แต่ละภูมิภาคก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันกันออกไป ในวันนี้ผมขอกล่าวถึงยุโรปตะวันออกก่อนภูมิภาคอื่นๆ ก็แล้วกันนะครับ เพราะเนื่องจากว่าเป็นบริเวณที่ผมเพิ่งจะได้เดินทางกลับมาแบบสดๆ ร้อนๆ ประมาณว่าอุณหภูมิความหนาวเย็นในร่างกายยังต่ำอยู่ (เว่อร์...หน่อย) เลยอยากจะนำมาแนะนำกัน วันนี้ขอนำเมืองแฟรงค์เฟิร์ต และเมืองมาเรียนสเก้ ลาสเน่ แห่งสาธารณรัฐเชค มาสาธยายกันก่อน เพราะสองเมืองนี้ เป็นสถานที่แรกที่ผมได้เดินทางไปสัมผัสกับยุโรปตะวันออก

ทันทีที่เข็นกระเป๋าออกมาจากท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี และมีความใหญ่เป็นอันดับ 3 ของทวีปยุโรป ผมถูกต้อนรับด้วยภาพอันขาวโพลนไปด้วยหิมะปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ร่างกายหนาวเย็นอย่างฉับพลัน เมื่อปรับเวลาที่นาฬิกาข้อมือให้ถอยหลังย้อนกลับไป 5 ชั่วโมง เพื่อให้ตรงกับเวลาในท้องถิ่น แล้วลองกดวัดอุณหภูมิดูปรากฏว่าความหนาวเย็นที่ผมสัมผัสอยู่ตอนนี้อยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส โอ้ว...พระเจ้า ตั้งแต่ซื้อนาฬิกาเรือนนี้มาใส่เดินทางไปมาหลายแห่ง ตัวเลขบอกอุณหภูมิไม่เคยต่ำขนาดนี้มาก่อน เสื้อกันหนาวในกระเป๋าถูกรื้อค้นออกมาสวมใส่ และมันก็ถูกใช้งานตลอด 8 วัน ของการเดินทาง

จากสนามบินเดินทางต่อไปยังตัวเมืองแฟรงค์เฟิร์ตใช้เวลาประมาณ 20 นาที แฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองใหญ่..แต่ว่ารถไม่ติด ถือเป็นศูนย์กลางของธุรกิจและการธนาคารที่สำคัญของประเทศเยอรมนี จุดแรกที่ได้ไปแวะเที่ยวชมคือจัตุรัสโรเมอร์ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองที่นี่มีความสง่างามด้วยบ้านไม้สไตล์เยอรมันแบบดั้งเดิมที่ได้รับการบูรณะแล้ว โดยเขาได้รักษารูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลากลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ใกล้กันมีเดอะไคเซอร์ซาลหรือห้องจักรพรรดิที่จะมาทำการฉลองพิธีการสวมมงกุฎอันยิ่งใหญ่ กลางจัตุรัสมีการสร้างน้ำพุแห่งความยุติธรรมไว้ ผมใช้เวลาอยู่จุดนี้ไม่นานเนื่องจากจะต้องเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐเชคซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี การเดินทางต้องใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำ จึงจะเดินทางไปถึงเมืองมาเรียนสเก้ ลาสเน่ โดยเข้าพักที่โรงแรม AGRICOLA  HOTEL  อย่างสะดวกสบายและอบอุ่นพ้นจากความหนาวเย็น

 ท่ามกลางความมืดของช่วงเวลา 20.00 น. ด้วยความซุกซนใคร่รู้อยู่ไม่สุข ทั้งที่อาหารเย็นผ่านพ้นไปด้วยดี ในยามที่สมควรจะหลับนอน อาจด้วยความแปลกที่หรืออย่างไรไม่ทราบได้ ผมเลือกที่จะเดินออกจากโรงแรมลุยเหยียบย่างเท้าไปบนหิมะขาว เพื่อชมทิวทัศน์และวิถีชีวิตยามค่ำคืนของเมืองมาเรียนสเก้ ลาสเน่ ผมพยายามจดจำเส้นทางโดยเดินไปตามถนนสังเกตซอกซอยชื่อร้านค้าต่างๆ เพื่อจะได้ไม่หลงทางเวลาเดินกลับ วิถีชีวิตของชาวเมืองมาเรียนสเก้ ลาสเน่ ช่างต่างกับวิถีชีวิตของคนในกรุงเทพฯ อย่างสิ้นเชิง หากเป็นช่วงเวลานี้กรุงเทพฯ คงสว่างสดใสไปด้วยดวงไฟหลากสีสันผู้คนคงยังเดินกันขวักไขว่วุ่นวายสับสน แต่ที่นี่กลับเงียบสงบแทบจะไร้ผู้คนตามท้องถนน ร้านค้าหลายร้านปิดประตูพักผ่อน และอีกไม่นานร้านที่เหลือก็กำลังจะปิดเช่นเดียวกัน

 ก่อนที่จะเงียบเหงาไปมากกว่านี้ผมตัดสินใจรีบเดินกลับโรงแรมที่ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านหลังเป็นป่ามืดดำหากมองในเวลากลางวันคงสวย  ระหว่างทางผมคิดถึงนิทานเรื่องหมาป่า หรือหมาจิ้งจอกที่มักจะออกมาล่าอาหารในยามค่ำคืน ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากลัว..ความมืดสลัวและผืนหิมะขาวต้นไม้ไร้ใบสีดำยืนต้นแผ่กิ่งก้านราวกับคอยดักเกล็ดละอองความเย็นที่กำลังโปรยปรายลงมา ผมเริ่มกลัวมากขึ้นหันมองซ้ายขวาบ่อยครั้ง สายตาค้นหากิ่งไม้หรือวัตถุอะไรก็ได้สักอย่าง ที่พอจะนำมาป้องกันเมื่อถึงคราวจวนตัว แต่ด้วยความสะอาดและเป็นระเบียบของเมืองนี้ แม้ก้อนอิฐหักๆ สักก้อนผมก็ไม่เจอ

 อีกประมาณ 200 เมตร ก็จะเดินถึงโรงแรม ผมเห็นแสงไฟสว่างอยู่ตรงหน้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นมากแต่ก็ยังไม่คลายความหวาดระแวง ทางด้านขวามือเป็นทิวป่าสนมืดดำที่ผมไม่ยากจะหันไปมอง คงไม่ใช่หูแว่วไปเองแน่นอนเพราะฟังชัดเจน “เสียงหมาหอน..!!” มันดังมาจากในป่า มันไม่ใช่เสียงอื่นแน่ๆ เมื่อหันไปมองครั้งหนึ่งก็ยังไม่เห็นตัว ผมรีบหันกลับแล้วมันก็หอนอีกครั้ง คราวนี้หอนสั้นกว่าเดิม ผมไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นสิ่งที่ผมต้องทำในเวลานี้คือ วิ่ง วิ่ง ให้ไวที่สุด วิ่งไปที่ประตูของโรงแรม ที่นั่นเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

เจ้าหมาที่หอนตัวนี้จะเข้าไปข้างในไม่ได้แน่นอน เพราะเกือบทุกโรงแรมเขาจะไม่อนุญาตให้สัตว์เข้าไป ผมจะต้องปลอดภัย มันเป็น 200 เมตร บนความหลอนที่จะติดตราตรึงใจผมไปอีกนาน โชคดีที่ต้นเสียงนั้นไม่ทันมาปรากฏตัว..หรือไม่มันก็แอบมองผมอยู่ห่างๆ อย่างลังเล เหตุการณ์นี้สอนให้ผมรู้ว่า “เมื่อถึงเวลานอนให้นอน ถึงเวลาเที่ยวค่อยเที่ยว อย่าไปทำซ่าส์ต่างถิ่นอาจถูกกินโดยไม่รู้ตัว” มันน่ากลัวจริงๆ นะ

 เช้าวันใหม่สดใสสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งเมืองมาเรียนสเก้ ลาสเน่ ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง เมืองนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางการโอบกอดของขุนเขา มีความสวยงามจากอาคารรูปทรงเก่าโบราณมีแนวเสาระเบียงที่เรียงกันเป็นทิวแถว หรือที่บางคนเรียกว่าสไตล์ Colonnade นับว่าเป็นเมืองสงบสวยงามเมืองหนึ่งที่น่าเดินทางไปพักผ่อนหรือเที่ยวชม เมื่อเดินทางมายังสาธารณรัฐเชค เพราะนอกจากจะมีความคลาสสิคอยู่ในตัวแล้วยังให้ความรู้สึกโรแมนติกได้อย่างน่าหลงใหล หากคุณได้เดินทางไปกับคนรัก คงต้องประทับใจอย่างแน่นนอน