“สังขละบุรี” มนต์เสน่ห์ แห่งนทีสามประสบ (ตอนที่ 2)

“สังขละบุรี” มนต์เสน่ห์ แห่งนทีสามประสบ (ตอนที่ 2)

“สังขละบุรี” มนต์เสน่ห์ แห่งนทีสามประสบ (ตอนที่ 2)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

DAY 4 “สังขละบุรี” มนต์เสน่ห์ แห่งนทีสามประสบ (วันสุดท้ายของการเดินทาง)

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ส่งสัญญาณว่าเช้าวันใหม่ และการเดินทางวันสุดท้ายในทริปนี้ของพวกเรามาถึงแล้ว เช้านี้ท้องฟ้ายังไม่มีแสงสว่างของดวงอาทิตย์ พวกเรารีบจัดการตัวเอง และออกเดินเท้าจากที่พักไปยังสะพานมอญ เพื่อเดินข้ามฝั่งไปยังหมู่บ้านชาวมอญ ซึ่งทุกเช้าจะมีทั้งคนไทย คนมอญ รอใส่บาตรพระเป็นแถวทอดยาว เป็นหนึ่งในความตั้งใจที่เราอยากไปสัมผัส

สะพานมอญยามเช้ายังคงมนต์เสน่ห์ มีความงามไปอีกแบบ แม้จะมีผู้คนเดินกันไม่หนาตา เพราะช่วงที่เราไปไม่ใช่วันหยุด หรือช่วงเทศกาล แต่ก็ไม่ได้เงียบเหงาไปซะทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นพ่อค้า แม่ค้าจากฝั่งมอญที่เดินมาพูดคุย ให้ข้อมูล และนำไปซื้อของใส่บาตรที่ร้านของตนเอง 

หนูน้อยชาวมอญตั้งเก้าอี้รอประทับแป้งให้กับนักท่องเที่ยวก่อนไปโรงเรียน (สินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ แล้วแต่จะให้ค่ะ)

วิถีชีวิตชาวมอญ

ชาวมอญขายดอกไม้ถวายพระ


ใส่บาตรตามวิถีชีวิตของชาวมอญในยามเช้า

ขนมถังแตกแบบมอญ เป็นแป้งข้าวเหนียวแผ่นบางๆ บนกระทะราดบางๆ ด้วยน้ำตาลที่เคี่ยวกับน้ำมะพร้าว โรยด้วยเนื้อมะพร้าวขูดเส้น อันนี้เด็ดมากอร่อยหอมน้ำตาล หรือใครชอบแบบหนาก็มีให้เลือกนะจ๊ะ 

กินกาแฟ ปาท่องโก๋ ไข่ลวก และโจ๊กหมูยามเช้า อีกหนึ่งเมนูเด็ดที่อดชิม คือ โรตีโอ่ง เพราะจะมีขายเฉพาะวันเสาร์ และอาทิตย์

เดินชมหมู่บ้านมอญตอนเช้า

ระหว่างเดินกลับฝั่งไทยเจอหนุ่มต๋อง หรือ มืดสะพานมอญ โชว์กระโดดน้ำอยู่พอดี นอกจากจะกระโดดจากสะพานมอญที่สูงมากแล้ว ยังโชว์ความแข็งแกร่งด้วยการปีนสะพานกลับขึ้นมาอีก ส่วนใครอยากร่วมสนับสนุนโชว์ก็ว่ากันไปตามแต่ความสมัครใจ

ต๋อง หรือ มืดสะพานมอญ

ภารกิจลุล่วงไปด้วยดี ฝนฟ้ายังเป็นใจ พวกเราขนของขึ้นรถ เช็คเอ้าท์ออกจากสวนแมกไม้รีสอร์ท เพื่อเดินทางต่อไปชม เจดีย์พุทธคยา และ วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งตามประวัติเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญ ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ ในปี 2496 ซึ่งเป็นศิลปะแบบพม่า 

"ปราสาทเก้ายอด" ดูงดงาม และประณีตด้วยศิลปกรรมของชนชาติมอญภายในปราสาทเก้ายอดเป็นที่เก็บสังขารหลวงพ่ออุตตมะ

กราบสักการะหลวงพ่ออุตตมะเพื่อความเป็นสิริมงคล

เจดีย์พุทธคยา สร้างจำลองมาจาก เจดีย์พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในประเทศอินเดีย

ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ชมความงามของเจดีย์พุทธคยา และ วัดวังก์วิเวการาม ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเสร็จเรียบร้อย ความตั้งใจเดิม คือ มุ่งหน้าเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ แต่พวกเรากลับเปลี่ยนใจกะทันหัน มุ่งหน้าไปยังด่านเจดีย์ 3 องค์ และจะข้ามเข้าไปฝั่งประเทศพม่า ตามคำแนะนำของพ่อค้าขายลอตเตอรี่ที่เจดีย์พุทธคยา 


ด่านเจดีย์ 3 องค์ ติดกับเมืองพญาตองซู ทางตอนใต้ของรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า


บัตรประชาชนถ่ายเอกสาร กรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อข้ามแดนไปตลาดพญาตองซู ฝั่งพม่า เสียค่าใช้จ่ายที่ ตม.ไทย คนละ 10 บาท และเสียอีกคนละ 40 บาท สำหรับ ตม.พม่า

สุดแดนสยาม

ฝั่งพม่า

ข้ามปุ๊บนั่งปั๊บ แวะกินกาแฟที่ร้าน Sanshay (ซานเช) กาแฟ 12 ราศี เดินข้ามแดนมาอยู่ซ้ายมือมีป้ายชัดเจน Sanshay (ซานเช) แปลว่า ผมยาว

วิวสวยๆ หลังร้านกาแฟ

มีพี่วินบริการถ้าไปตลาดพญาตองซู คนละ 20 บาท

สินค้าส่วนใหญ่เป็นของกินของใช้ของชาวพม่า เครื่องประดับ และเสื้อผ้า

ลองดูสิขนมกล้วย ขนมเทียน บ้านเขาเหมือนบ้านเราไหม... ขนมกล้วยรสชาติคล้ายเค้กกล้วยหอมเพียงแต่ไม่มีกลิ่นหอมของเนย ส่วนขนมเทียนจะเป็นไส้มะพร้าว 

จบอีกหนึ่งภารกิจตามคำบอกกล่าวของชายขายลอตเตอรี่ ได้ของติดไม้ติดมือกันมาคนละนิดละหน่อย ถึงเวลาต้องกลับบ้านกันจริงๆ สักที เวลาช่างผ่านไปเร็วเสียนี่กระไร พวกเราออกเดินทางจากด่านเจดีย์ 3 องค์ ขัยรถยาวไปตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 เพื่อกลับเข้าตัวเมืองกาญจน์ ระหว่างทางเสียงท้องร้องดังเพิ่งจะรู้ตัวกันว่าข้าวกลางวันยังไม่ตกถึงท้องเลย นี่ก็ล่วงเลยบ่ายไปแล้ว 

ไม่รีรอนะจ๊ะ มุ่งหน้าหาที่แวะเติมพลัง เห็นป้ายร้านไวๆ เลี้ยวรถจอดเลยจร้า แวะฝากท้องกันที่ “ครัวผักหวานบ้าน ไร่นฤบดินทร์” อยู่เลยน้ำตกไทรโยคน้อยไปประมาณ 21 กิโลเมตร

ครัวผักหวานบ้าน ไร่นฤบดินทร์

ด้วยความหิวเลยจัดเต็ม 6 เมนู ส้มตำผักหวาน ผักหวานไฟแดง แกงส้มผักหวาน น้ำพริกผักหวาน หมูแดดเดียว ฉู่ฉี่ปลาคัง และข้าวอีกหนึ่งโถ

อิ่มท้องกันถ้วนหน้า ไม่ผิดหวัง อร่อยทุกอย่าง ความประทับใจสุดท้ายของพวกเรา 3 คนกับการเดินทางมาที่ จ.กาญจนบุรี 

ตลอด 4 วัน 3 คืน ของพวกเรา 3 คน แม้จะมีเวลาค่อนข้างจำกัด แต่ก็ได้สัมผัสทุกอรรถรส ได้ตามรอยประวัติศาสตร์ ได้สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติที่เงียบสงบ ได้สัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่หลากหลายเชื้อชาติ ที่สำคัญได้มิตรภาพระหว่างการเดินทางของคนแปลกหน้า พวกเราถือว่าคุ้มค่าแล้วกับทริปครั้งนี้ 

บอกกลับตัวเองว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมาเมืองกาญจน์อีกครั้ง ยังมีอีกหลายที่ ที่เราอยากไปสัมผัส ขอบคุณที่โดนเท ถ้าไม่โดนเท คงไม่โซเซ มากาญจนบุรี แดนสวรรค์ตะวันตก จบบันทึกกาญจน์เดินทาง ... #ดีต่อใจ

อ่าน : 4 วัน 3 คืน ไปเที่ยวกาญจน์ไหม (ตอนที่ 1)

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ

อัลบั้มภาพ 38 ภาพ ของ “สังขละบุรี” มนต์เสน่ห์ แห่งนทีสามประสบ (ตอนที่ 2)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook