จากยางฝิ่น..สู่ใบชา

จากยางฝิ่น..สู่ใบชา

จากยางฝิ่น..สู่ใบชา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฝิ่น เป็นพืชเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง และเริ่มใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ในรูปแบบของตัวยา มีประสิทธิภาพในการลดความปวด แก้ท้องเสีย บรรเทาอาการไอ ซึ่งต่อมาถูกนำมาใช้เป็นยากล่อมประสาทอันทรงพลัง ก่อเกิดเป็นการค้าที่มีผลประโยชน์มหาศาล และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกไปทั่วโลก

พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำดินแดนที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย เป็นบริเวณที่เป็นจุดติดต่อกันกับประเทศเพื่อนบ้านอันได้แก่ ลาว และพม่า และในบริเวณนี้นี่เองที่เมื่อก่อนเคยมีการปลูกฝิ่น มีการแปรรูปเป็นเฮโรอีนในปริมาณมากมายมหาศาล จนมีการลักลอบนำออกไปขาย เป็นการภาพลักษณ์ในทางลบ และไม่มีใครกล้าที่จะเหยียบย่างก้าวเข้าไปในดินแดนแห่งนี้

จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2531 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ พ่อหลวงปวงประชาชาวไทย ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น เพื่อฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา ด้วยการส่งเสริมให้มีการปลูกป่า ปลูกพืชเศรษฐกิจทำการเกษตรอย่างมีระบบ จัดให้มีโครงการบำบัดยาเสพติด แทนการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย 

ไม่กี่ปีต่อมาดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ จากที่เคยมืดมนน่าหวาดกลัว กลับกลายเป็นดินแดนที่แจ่มจรัส สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พ่อหลวงปวงประชาชาวไทย พระองค์ท่านได้ทรงริเริ่มโครงการที่จะช่วยให้การศึกษาแก่ประชาชนให้รู้เท่าทันโทษของฝิ่น โดยทรงสร้างหอฝิ่น ณ อุทยานสามเหลี่ยมทองคำขึ้นเพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้ต่อต้านยาเสพติด

หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ มีพื้นที่ 5,600 ตารางเมตร ตั้งอยู่ที่บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ภายในอุทยานฯ ได้จัดแสดงลำดับเรื่องราวของฝิ่น โดยเริ่มจากธรรมชาติวิทยาของฝิ่น ประวัติการใช้ฝิ่นในยุคโบราณ ประวัติการแพร่กระจายของฝิ่นในยุคจักรวรรดินิยม ผู้แพ้สงครามไปจนถึงการล่มสลายอันเนื่องมาจากฝิ่น และลำดับเหตุการณ์อีกมากมาย อันเป็นผลมาจากฝิ่น

หากคุณผู้อ่านมีความสนใจต้องการจะเดินทางไปเที่ยวชมหอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ที่นี่เปิดให้บริการวันอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) และเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 200 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และเยาวชนอายุ 12-18 ปี 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี โทร 0 53 784 444 - 6 , แฟกซ์ 0 5365 2133 ครับ

จากหอฝิ่นผมได้เดินทางต่อไปยังพระธาตุดอยเวา ซึ่งตั้งอยู่ก่อนถึงตลาดชายแดนแม่สายเพียง 100 เมตร พระธาตุดอยเวา ตั้งอยู่บนเนินเขา ตามประวัติเล่าสืบต่อกันมาว่า พระองค์เวา ผู้ครองนครนาคพันธ์โยนก โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 364  ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนร้ายลักลอบขุดสิ่งของในพระเจดีย์ ทำให้พระเจดีย์พังทลายลง ชาวอำเภอแม่สายจึงได้ร่วมกันบูรณะขึ้นใหม่ และระหว่างการบูรณะอยู่นั้นได้ขุดพบผอบหินดำ และในผอบนั้นมีพระธาตุบรรจุอยู่ ว่ากันว่าเป็นพระธาตุของพระสารีบุตร ผู้บูรณะจึงได้บรรจุลงไว้ในพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่

นอกจากพระธาตุดอยเวาจะเป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพบูชาของคนทั่วไปแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมทิวทัศน์ตัวเมืองแม่สาย และจังหวัดท่าขี้เหล็กของประเทศเมียนมาร์ อีกด้วย

หากเดินทางมาถึงจังหวัดเชียงรายแล้ว จะไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังดอยแม่สลอง ก็ดูเหมือนการเดินทางไกลครั้งนี้จะไม่ครบถ้วนไม่คุ้มค่ากับการเดินทางมาถึงดินแดนที่อยู่เหนือสุดในสยาม เป็นเวลากว่า 40 ปี มาแล้ว ที่ชาวจีนฮ่อ จากกองพล 93 ได้อพยพหนีจากภัยสงครามในประเทศจีน เข้ามาตั้งรกรากปักฐานอยู่บนยอดขุนเขาสงบงดงามแห่งนี้ จนภายหลังได้รับการเรียกขานถึงชุมชนนี้ใหม่ว่า หมู่บ้านสันติคีรี เพื่อเป็นการลบภาพอดีตอันบอบช้ำให้เลือนหายไป

จากประวัติศาสตร์ในยุคแรกเริ่มของหมู่บ้านสันติคีรี อันมีศูนย์กลางอยู่ที่การค้าฝิ่นในแถบพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งมีประชากรจากกองพล 93 หรือที่เรียกกันว่า "กองทัพที่สาบสูญ" ของสาธารณรัฐจีน มีส่วนพัวพันอยู่ด้วย 

ภายหลังสงครามกลางเมืองจีนสิ้นสุดลงใน พ.ศ. 2492 บางส่วนของกองกำลังพรรคก๊กมินตั๋งปฏิเสธที่จะยอมจำนน รวมทั้งกองพล 93 ซึ่งนำโดยพลเอกต้วน ซีเหวิน กองพล 93 ทำการสู้รบออกจากมณฑลยูนนานทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และทหารได้อยู่อาศัยอย่างเร่ร่อนในป่าของประเทศพม่า ก่อนที่จะลี้ภัยเข้ามายังดอยแม่สลอง

เพื่อแลกเปลี่ยนกับการลี้ภัยของพวกเขา ทหารกองพล 93 ได้ช่วยทำการสู้รบต่อต้านการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์บริเวณพรมแดนไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2525 รัฐบาลไทยได้ตอบแทนโดยการมอบสถานะพลเมืองให้กับทหารก๊กมินตั๋งและครอบครัว

ด้วยความที่หมู่บ้านสันติคีรี ตั้งอยู่บนภูเขาสูง โดยมีความสูงอยู่ที่ 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี การปลูกพืชเศรษฐกิจจากพันธุ์ไม้เมืองหนาวจึงเจริญเติบโตได้ดี และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วไป โดยเฉพาะชื่อเสียงเกี่ยวกับ ชา ที่มีรสชาติอร่อยกลิ่นหอมที่สุดนั้นคือ ชาอู่หลง 

ชา ได้เข้ามาแทนที่การปลูกต้นฝิ่น และในปัจจุบันหมู่บ้านสันติคีรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันในชื่อที่เรียกแบบรวมๆ ทั่วไปว่า "ดอยแม่สลอง” เนื้อที่หลายพันไร่บนดอยสวยใช้ปลูกเป็นไร่ชาคล้ายนาขั้นบันได มีต้นชารวมกันกว่าสองล้านต้น 

ชา ได้เข้ามาแทนที่การปลูกต้นฝิ่น และในปัจจุบันหมู่บ้านสันติคีรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันในชื่อที่เรียกแบบรวมๆ ทั่วไปว่า "ดอยแม่สลอง” เนื้อที่หลายพันไร่บนดอยสวยใช้ปลูกเป็นไร่ชาคล้ายนาขั้นบันได มีต้นชารวมกันกว่าสองล้านต้น 

แต่ที่พิเศษสุดคือทางหมู่บ้านเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยว ได้เดินทางไปสัมผัสกับชาแบบใกล้ชิดได้ โดยมีทริปพิเศษเดินทางท่องเที่ยวในไร่ชาได้โดยไม่เสียค่าบริการอีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มสุดคุ้มเลยทีเดียวกับทริปพิเศษๆ อย่างนี้ หากคุณเป็นนักดื่มชาตัวยงแล้วละก็ ผมคิดว่าหมู่บ้านสันติคีรีดอยแม่สลองแห่งนี้ ต้องเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดการไปเยือนในช่วงปลายปีนี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook