ตะลุยเมืองอินดี้... มี 65 บาท ก็กิน “โมจิหยดน้ำ” ได้!

ตะลุยเมืองอินดี้... มี 65 บาท ก็กิน “โมจิหยดน้ำ” ได้!

ตะลุยเมืองอินดี้... มี 65 บาท ก็กิน “โมจิหยดน้ำ” ได้!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โมจิหยดน้ำ ใส ใส หวาน หวาน หอม ชื่นใจ

นั่งเขี่ย เขี่ย ไถ ไถ มือถืออยู่ดีๆ ตาก็ไปสะดุดกับก้อนใส ใส กลมๆ บนหน้าจอ อุ๊บส์! นี่มันขนมอะไร พอจิ้มหน้าจอเข้าไปดูถึงได้รู้ว่าเค้าเรียก “โมจิหยดน้ำ” (บอกตามตรง เพิ่งเคยได้ยิน) บางคนเรียกเมนูนี้ว่า “เค้กหยดน้ำ” เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ไอ้เราก็ไม่เคยกิน แต่ยอมรับว่าสนใจมากถึงมากที่สุด ว่าแล้วคงต้องไปลองซะแล้ว

ตัวร้านหากมองจากด้านนอก

บรรยากาศภายในร้านเล็กๆ เสิร์ฟชาฟรี มีสอนทำกาแฟด้วย

พอเข้าไปอ่านรายละเอียดถึงได้รู้ว่าร้าน Homu ที่ขายโมจิหยดน้ำเป็นร้านขายขนมเล็กๆ เจ้าของเป็นคุณแม่ลูกสองที่ปรับปรุงบ้านเป็นร้านขนมและโรงเรียนสอนทำขนมในตัว…พอจิ้มไปจิ้มมาบนหน้าจอเลยได้รู้พิกัดร้านว่าอยู่โน่น บางมด (ในใจถามว่าไกลไปไหม) แต่แหม…เจ้าเค้กหยดน้ำนี่เชิญชวนให้อยากเดินทางไปชิมมาก จะรออะไรไปกันเลย

คุณหญิง เจ้าของร้าน   Homu

ด้วยพิกัดร้านที่อยู่ไกลถึงบางมด เลยต้องวานให้เพื่อนขับรถพาไปหน่อยเพราะกลัวหลง และต้องบอกว่าเป็นการเดินทางที่เหมือนการผจญภัยมาก กว่าจะถึงเจ้าเมืองอินดี้ที่ว่านี้ (ขอเอาชื่อหมู่บ้านมาเรียกแทน) เพราะเพื่อนขับรถเลยซอย ตั้งใจจะไปทะลุเข้าทางลัดแต่ก็ดั๊นหลง แถมกว่าจะถึงหมู่บ้านเรียกได้ว่าผ่านสารพัดสิ่งทั้งลูกตัวเงินตัวทองที่ออกมาคลานเบาๆ ตัดหน้ารถ บ่อน้ำที่มโนไปว่ามันคือทะเลสาบ แต่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ คงเป็นสำนักคนทรง  ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเทพหรือเจ้าองค์ไหน

วาราบิโมจิ เจ้าของสั่งแป้งวาราบิส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากใช้แป้งชนิดอื่นรสชาติจะแตกต่าง ต้องใช้แป้งเฉพาะเจาะจงเท่านั้น

ในที่สุดจากที่พักย่านสุทธิสารก็ไปถึงเมืองอินดี้ ที่ต้องบอกว่าเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งจริงๆ เพราะพอผ่านสำนักคนทรงนั้นมาได้ Homu ร้านโมจิหยดน้ำที่ว่านี้ก็เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง Homu เป็นชื่อร้านที่คุณหญิงเจ้าของร้านตั้งเอง โดยเอาคำภาษาญี่ปุ่นมาใช้และมีความหมายว่า “บ้าน” แม้ร้านจะเล็กๆ แต่ดูน่ารักและอบอุ่นดี

ตอนไปถึงเป็นช่วงสายๆ ที่ปกติคุณหญิงจะง่วนอยู่ในครัวเตรียมทำขนมไว้ขายตอนลูกค้ามานั่งทาน ซึ่งมักจะเป็นช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เดิมคุณหญิงใช้บ้านตัวเองเป็นร้านทำขนมญี่ปุ่นขาย แต่พอมีคนมาทานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดต่อเติมร้านจากตัวบ้าน และใช้สนามหญ้ารอบๆ บ้านเป็นที่นั่งทานขนม 

บรามันเจะ หรือพุดดิ้งเต้าหู้ ใช้เต้าหู้ผสมกับนม แต่พอทานแล้วแทบไม่ได้กลิ่นเต้าหู้ สำหรับคนเกลียดเต้าหู้ไม่ต้องกังวล เจ้าของร้านบอกว่าผู้ชายชอบเมนูนี้มาก จะให้โดนต้องทานคู่กับน้ำอ้อยและถั่วเหลืองคั่ว

เมนูของร้าน Homu มีประมาณ 5-6 เมนู ทั้งวาราบิโมจิ บรามันเจะ หรือพุดดิ้งเต้าหู้ แบลคเซซามิพุดดิ้ง โออุโตะ (ที่พูดๆ มาแปลเป็นภาษาไทยไม่ออกเลยสักเมนู 555) แต่ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาไกลขนาดนี้เพราะอยากลองชิมเจ้าโมจิหยดน้ำ เลยสั่งมาทานก่อนเจ้าของร้านจะยกขนมอย่างอื่นมาเสิร์ฟ พอสั่งปุ๊บเจ้าของร้านไปเปิดตู้เย็น แล้วก็เอาเจ้าโมจิหยดน้ำมาจัดเรียงบนจานไม้ก่อนจะโรยถั่วเหลืองคั่วและน้ำอ้อยที่ต้องทานคู่กัน บอกเลยว่าเห็นแค่การจัดจานก็ไม่กล้าตักเพราะมันสวยและน่าถ่ายรูปเก็บไว้มาก ช้อนที่เจ้าของร้านจัดให้เป็นช้อนไม้พอกดไปบนเนื้อโมจิหยดน้ำมันเด้งๆ นุ่มนิ่ม ตอนแรกคิดว่าตัดเข้าไปแล้วจะมีน้ำเยิ้ม แต่ไม่ใช่ พอตักเข้าปากเท่านั้นแหละรสชาติหวานอ่อนๆ ของตัวแป้งใสๆ ทำให้การเดินทางไกลที่แสนเหนื่อยรู้สึกผ่อนคลายลง เรียกได้ว่า “ชื่นใจ” คำนี้เหมาะมาก

ไอ้เราก็ตักกินแต่ไม่รู้ว่าถ้าจะกินให้ถูกวิธีต้องทานคู่กับถั่วเหลืองบดและน้ำอ้อยที่โรยและเทมาข้างๆ จะเข้ากันมาก (ในใจอยากกินเฉพาะแป้งหยดน้ำอย่างเดียว 555 ) เจ้าของร้านบอกว่าถ้าเป็นสูตรญี่ปุ่นจริงๆ รสจะหวานกว่านี้ แต่เราว่านี่เป็นรสชาติที่ลงตัวแล้วเพราะเจ้าของร้านใช้เวลาทดลองประมาณ 1 ปีกว่าจะลงตัวแบบนี้

โออุโตะ เมนูนี้ดีงามตรงความเปรี้ยวๆ หวาน หวาน มีกลิ่นและรสแอลกอฮอล์นิดหน่อย ชอบจัง ซดหมดถ้วย

โมจิหยดน้ำจึงเป็นความชื่นอกชื่นใจที่อยากแนะนำให้ทุกคนมาลองทานกันดู นอกจากเมนูไฮไลท์เด็ดนี้แล้วที่ร้านยังมีขนมญี่ปุ่นอีกหลายเมนูอย่างที่บอกไป ไอ้เราก็ชิมทุกอย่าง แต่ชอบโมจิหยดน้ำมากที่สุด ส่วนที่ปลื้มปริ่มลองลงมาคงเป็นโออุโตะ ซึ่งเจ้าของร้านดัดแปลงสูตรและเอาเหล้ามาเป็นหนึ่งในส่วนผสม ชอบตรงที่มันมีกลิ่นเหล้าและรสออกเปรี้ยวๆ หวานๆ เสียดายถ้วยมันเล็กไปหน่อย ไม่งั้นกินเพลินแน่

แบลคเซซามิพุดดิ้ง ถ้วยนี้ก็ดีงามมีความผสมผสานกันระหว่างนม งาดำ นุ่มเด้ง หนึบหนับอร่อยดี เสียแต่ก่อนหน้านี้ชิมโน่นนี่มาหลายคำแล้ว

ทีเด็ดของขนมที่ Homu ไม่ได้อยู่ที่รสชาติเท่านั้น แต่วัตถุดิบที่ใช้ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นหากคิดไปกินไม่ต้องกังวลว่าคุณจะผิดหวังเพราะของเค้าคุณภาพแบบต้นตำรับ แม้คุณจะเคยทานจากที่อื่นก็ไม่แน่ว่านั่นอาจเป็นสูตรจากร้านนี้ เพราะนอกจากทำขายแล้วคุณหญิงยังเปิดสอนให้กับผู้ที่สนใจด้วย 

บรรยากาศในร้าน ชิล ชิลนั่งเล่นบนชิงช้าในร้าน

รายละเอียดคือถ้าจะเรียนทำโมจิหยดน้ำคิดราคา 5,900 บาท (ไม่รวมวัตถุดิบและอุปกรณ์การขาย แต่เจ้าของมีวัตถุดิบและอุปกรณ์พร้อมเรียน ถ้าเรียน 3   เมนูคือโมจิหยดน้ำ วาราบิโมจิ และบรามันเจะ (ไม่รวมวัตถุดิบและอุปกรณ์การขาย แต่มีวัตถุดิบและอุปกรณ์พร้อมเรียน ราคา 9,999 บาท  ส่วนถ้าเรียน 3 เมนู หยดน้ำ วาราบิ และ บรามันเจะ (รวมอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมขายทุกอย่าง) ราคา 15,900 บาท เจ้าของยังการันตีอีกว่าหากนำไปขายครั้งแรกจะได้เงินคืนกลับมา 7,000 บาท

คุณหญิงกับน้องโหระพาลูกสาว

บอกเลยว่ามีคนสนใจมาเรียนทำโมจิหยดน้ำกับคุณหญิงเยอะมาก มีแบบนั่งเครื่องบินมาเรียน 1 วันแล้วบินกลับในวันเดียวกันก็มี…สนใจออกไปตะลุยเมืองอินดี้กันเถอะ

ที่ตั้ง : ร้าน Homu

หมู่บ้านอินดี้

ถนนประชาอุทิศ 90

หากสนใจรายละเอียดหรืออยากไปทานสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Homu

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ ตะลุยเมืองอินดี้... มี 65 บาท ก็กิน “โมจิหยดน้ำ” ได้!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook