กาญจนบุรี

กาญจนบุรี

กาญจนบุรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กาญจนบุรี ดินแดนแห่งผืนป่า โถงถ้ำ น้ำตก พรรณไม้นานาชนิดและวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คือที่หลายหลากเชื้อชาติ ที่อาศํยอยู่ร่วมกัน โดยประกอบด้วย ไทย พม่า มอญ ปากะญอ(กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ อาทิเช่น เหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นมีอนุสรณสถานยืนยันเหตุการณ์อยู่หลายแห่ง เช่น สุสานทหารสัมพันธมิตร สะพานข้ามแม่น้ำแคว พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด  ฯลฯ และด้วยความน่าสนใจที่หลากหลาย จังหวัดนี้จึงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ และทุกเทศกาล

จังหวัดกาญจนบุรีมีเนื้อที่ประมาณ 12 ล้านไร่ หรือ 19,483 ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและเทือกเขาสูง โดยมีแม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือ แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย ที่ไหลขนานลงมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแม่กลองที่ตัวเมืองกาญจนบุรี

ความเป็นมาของกาญจนบุรีเท่าที่มีการค้นพบหลักฐานนั้น ย้อนไปได้ถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อมีการค้นพบเครื่องมือหินในบริเวณบ้านเก่า อำเภอเมืองฯ ล่วงมาถึงสมัยทวารวดี ซึ่งมีหลักฐานคือซากโบราณสถานที่ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี เป็นเจดีย์ลักษณะเดียวกับจุลประโทนเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม บ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี และเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งค้นพบโบราณวัตถุ เช่น พระพิมพ์สมัยทวารวดีจำนวนมาก สืบเนื่องต่อมาถึงสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-18 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบคือปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งมีรูปแบบศิลปะแบบขอม สมัยบายน

ความเป็นมาของกาญจนบุรียังปรากฏในพงศาวดารเหนือว่า กาญจนบุรีเป็นเมืองขึ้นของสุพรรณบุรีในสมัยสุโขทัย ครั้นมาถึงสมัยอยุธยา กาญจนบุรีก็มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญจนกระทั่งถึงสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์

ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดรูปแบบการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล กาญจนบุรีถูกโอนมาขึ้นกับมณฑลราชบุรี และยกฐานะเป็นจังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2467

เหตุการณ์ที่ทำให้กาญจนบุรีมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นตัดสินใจสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ จากชุมทางหนองปลาดุกในประเทศไทย ไปยังเมืองทันบีอูซายัตในพม่า โดยเกณฑ์เชลยศึกและแรงงานจำนวนมากมาเร่งสร้างทางรถไฟอย่างหามรุ่งหามค่ำ จนทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทั้งจากความเป็นอยู่ที่ยากแค้นและโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้า ซึ่งภาพและเรื่องราวของความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏอยู่ในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในกาญจนบุรี

จังหวัดกาญจนบุรีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา



ต้นไม้และดอกไม้ประจำ จังหวัด กาญจนบุรี


ต้นขานาง  - มีชื่อพื้นเมืองเรียกว่าคะนางละนางค่านางช้างเผือกหลวงเชพลูเปือยนางเปือยคะนางลิงง้อ ฯลฯ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ลำต้นกลมตรงมีริ้วสีน้ำตาลแกมเทา เปลือกบาง เรียบ สีขาวหรือเทาอ่อน ที่โคนต้นมีพูพอน เป็นไม้ผลัดใบที่มีความสูงประมาณ 15-30 เมตร มีใบเป็นรูปทรงไข่ กว้าง 4-7 ซม. ยาว 10-15 ซม. ส่วนดอกจะเป็นดอกเล็กๆ มีสีขาว ยาว 10-35 ซม. ห้อยลงไม่มีก้าน ติดเป็นกระจุก และผลจะมีขนาดแค่ 3 มม. พบมากในป่าแถบ อ.ไทรโยค, อ.ทองผาภูมิ, อ.ศรีสวัสดิ์, อ.สังขละบุรี ในโอกาสสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเป็นองค์ประธานและพระราชทานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปปลูกเป็นสิริมงคลแก่จังหวัด



ดอกกาญจนิการ์  -  เพียงแค่ฟังชื่อก็นึกถึงจังหวัดกาญจนบุรี ป็นไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ ออกดอกเป็นช่อหลอดสีขาวสวยงาม ปลายเป็นกลีบคล้ายหางปลา  เมื่อแห้งแล้วจะแตกเป็นเมล็ดแบนๆและมีปีกบางๆ มีกลิ่นหอม บานกลางคืน ออกดอกตลอดปี


สถานที่ท่องเที่ยว @กาญจนบุรี


เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมบนสันเขื่อนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนเจ้าพระยา และเป็นเขื่อนชนิดหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมทัศนียภาพอันงดงามบนสันเขื่อนได้ตลอดทั้งปี โดยมีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เขื่อนเจ้าเณร” " โดยตั้งอยู่บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์
เขื่อนศรีนครินทร์เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชน เข้าชมได้ทุกวันในเวลา 06.00 - 18.00 น. สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานกลาง 08-1010-6966 และศูนย์บ้านพัก 08-2290-2466



สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของโลก เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์ทั้งเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร และกรรมกรเรือนหมื่น เพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ไปสู่ประเทศพม่า ด้วยระยะทาง กว่า 415 กิโลเมตร ฝ่าป่าดงดิบที่รกชัฏ ตัดทะลุผ่านภูเขาหิน เลียบเลาะริมหน้าผาสูง ด้วยความยากลำบาก ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่ง จึงต้องสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควใหญ่ที่ ตำบลท่ามะขาม และให้ชื่อเรียกว่า "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" ปัจจุบันเส้นทางรถไฟสายนี้ไปสิ้นสุดที่สถานีน้ำตก อำเภอไทรโยค ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดบริการเดินรถไฟบนเส้นทางสายนี้เป็นประจำทุกวัน (น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น, น้ำตกแควใหญ่, กิจกรรมขี่ช้างล่องแพไม่ไผ่) และสะพานข้ามแม่น้ำแควยังเป็นสถานที่ภ่ายรูปสุดฮิตของจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย


โค้งมรณะ-ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะที่ถือเป็น Unseen Thailand ที่สุด ทางรถไฟที่โค้งไปตามหน้าผาสูงชันบริเวณถ้ำกระแซ เลาะไปตามแม่น้ำแควน้อย ความยาว 400 เมตร ถือเป็นจุดที่ทำให้น่าหวาดเสียวที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ความหวาดเสียวนั้นทำให้โค้งนี้เป้นจุดที่สวยที่สุดอีกด้วย โดยไม่มีค่าเข้าชม เปิดให้บริการทุกวัน ที่ตั้งอยู่ที่สถานีหยุดรถถ้ำกระแซ หมู่ 1 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค ทางรถไฟ



น้ำตกเอราวัณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีก็ว่าได้ แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชมธรรมชาติทั้งคนในประเทศและชาวต่างชาติ น้ำตกมีความงดงาม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีแอ่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่ตลอดทางเดินทางของน้ำตกเอราวัณทั้ง 7 ชั้น เหมาะกับการเล่นน้ำท่ามกลางแมกไม้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ และการเดินทางที่สะดวกสบายโดยมีรถประจำทางไป-กลับ ระหว่างตัวเมืองกาญจน์กับอุทยานฯ ได้
น้ำตกเอราวัณทั้ง 7 ชั้น
ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง ในชั้นนี้จะ เหมาะสำหรับนั่งปิกนิกมากกว่าเล่นน้ำตก  มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหาร ริมน้ำตก  และตามเสต็ปของน้ำตก คือ ยิ่งสูงยิ่งสวย
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ในชั้นนี้จะมีปลาพลวงเวียนว่ายในน้ำใสๆอยู่เป็นจำนวนมาก แอ่งน้ำสีคราม มีม่านน้ำตก ไหลผ่านหินย้อย เหมือนกับน้ำไหลผ่านปากถ้ำ ลงมายังแอ่งน้ำใหญ่ เหมาะกับการลงเล่นน้ำอย่างมาก แต่บางช่วงอาจจะลึก แต่ทางอุทยานฯมีชูชีพให้นักท่องเที่ยวได้เช่าเพื่อลงเล่นน้ำได้
ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นนี้จะเป็นชั้นตรวจอาหารและสิ่งที่ห้ามน้ำขึ้นไปบนชั้นต่อไป ต้องฝากเอาไว่ที่เจ้าหน้าที่ และชั้นนี้ก็สามารถเล่นน้ำได้ แต่อาจจะมีนักท่องที่ยวเยอะเป็นพิเศษ
ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ระหว่างทางไปน้ำตกชั้นที่ 4 จะเป็นเส้นทางที่เราจะได้เดินดูธรรมชาติอย่างเต็มที่ และ ชั้นนี้ต้องสังเกตุดีๆ จะเห็นหิน 2 ก้อนที่มีลักษณะเหมือนหน้าอกผู้หญิง แต่มีลักษณะใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป เลยได้ชื่อเป็นอกนางผีเสื้อ (สมุทร) ซะเลย ชั้นนี้จะมีน้ำไหลตามหินลงมายังแอ่งด้านล่าง นักท่องเที่ยว สามารถเล่นน้ำได้
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ชั้นนี้ เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นลงมาแบบเตี้ยๆ ลักษณะเหมือนแอ่งตื้นๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่น และเดินเล่นบนน้ำตก
ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา อยู่ห่างจากชั้น 5 แค่ 300 เมตร จะเห็นน้ำตกอยู่หลายทางตามแมกไม้ต่างๆ
ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ จุดสุดยอดของการเดินทาง ต้องเดินผ่านหิน ปีนบันไดอย่างเหน็ดเหนื่อย เพื่อมาเจอความสวยงามที่สุดของน้ำตกเอราวัณ น้ำสีคราม ทรายสีขาว มีสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูง ไหลผ่านแมกไม้และแนวหินลงมาสู่อ่างน้ำให้เราเล่นกัน และยังมีฝูงปลาเล็กปลาน้อยคอยตอด นักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำอยู่ จั๊กจี้อย่างมากเลยทีเดียว
น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ อยู่ในแนวลำน้ำแควใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนศรีนครินทร์


อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์  ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สถานที่การศึกษาโบราณสถานที่ทรงคุณค่า มีอายุกว่า 800 ปี แสดงถึงอิทธิพลของอขมในอดีต และเรียนรู้ประวิติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมการสร้างปราสาทขอมปราสาทเมืองสิงห์ ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เขตตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค ในสมัยก่อนเคยเป็นเมืองสิงห์ มีผังเมืองเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส อยู่บนที่ราบริมฝั่งด้านขวาของแม่น้ำแควน้อย
มีค่าธรรมเนียมการเข้าชม อยู่ที่ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท แต่จะเปิดให้เข้าชมฟรีในวันเด็กแห่งชาติ วันอนุรักษ์มรดกไทย (2 เมษายน) และวันเข้าพรรษา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร 034-528-456-7

ยังมีสถานที่ ประวัติศาสตร์ และความงดงามอีกมากมาย

ขอขอบคุณรุปภาพจาก http://kanchanaburi.go.th

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook