หนีร้อน...ไปเล่นน้ำ นั่งรถไฟชมวิวเที่ยว 'แพภูตะวัน' เขื่อนเชี่ยวหลาน

หนีร้อน...ไปเล่นน้ำ นั่งรถไฟชมวิวเที่ยว 'แพภูตะวัน' เขื่อนเชี่ยวหลาน

หนีร้อน...ไปเล่นน้ำ นั่งรถไฟชมวิวเที่ยว 'แพภูตะวัน' เขื่อนเชี่ยวหลาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Story & Photo : ส้มส้ม

เชื่อว่าหลายคนมีโมเมนต์ที่อยากหนีความวุ่นวายไปไหนสักแห่ง ที่ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวจากโลกภายนอกแค่วันสองวันให้กายและใจได้พักอย่างแท้จริง และนั่นเป็นที่มาของจุดหมายปลายทางของเราในทริปหลบร้อนไปนอนอุ่นที่เชี่ยวหลาน

ทริปนี้เป็นการรวมตัวกันครั้งแรกของเพื่อนๆ 6 คนที่พร้อมเที่ยวด้วยกันและหลงไปด้วยกัน การเดินทางใช้เวลา 3 วัน 4 คืน รวมวันเดินทาง มาดูแผนการหลบร้อนของพวกเรากัน

ออกเดินทางจากกทม. วันพฤหัสบดี เวลา 19.55 น. ด้วยรถไฟตู้นอนปรับอากาศชั้น2 จากหัวลำโพง ถึงสถานีสุราษฎร์ธานีในเวลา 07.06 น. รวมเวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง

จากสถานีรถไฟ เราใช้บริการรถตู้ไปตาขุนค่าโดยสารละ 150 บาท และจากตาขุนไปออฟฟิศแพภูตะวันอีกคนละ 50 บาท รอที่ท่าเรือไม่นานก็ได้ลงเรือหางยาวล่องไปในเขื่อนรัชชประภา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแพภูตะวัน รีสอร์ทที่มีห้องพักทรงแคปซูลลอยเรียงเป็นทางยาวสวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูป มีเครื่องเล่นแพยาง วันแรกพวกเราไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งทอดอารมณ์ชมวิวกันเกือบทั้งวัน และเล่นน้ำในช่วงเย็น

กิจกรรมที่ทำในวันที่สองคือการนั่งเรือ-ล่องแพไปถ้ำปะการัง เดินป่าเล็กน้อย ถ้าใครโชคดีก็จะได้เห็นค่างแว่น หรือชะนี แต่เรามัวเดินก้มหน้าเลยไม่เห็นสักตัว ฮ่าๆๆๆ ตกเย็นก็พายเรือคายัคเล่นบริเวณใกล้ๆ รีสอร์ท

ในวันที่สาม พวกเราเช่ารถตู้ไปไหว้พระธาตุไชยา และชมสวนโมกขพลาราม เดินข้ามสะพานแขวน ถ่ายรูปหมู่คู่ภูเขารูปหัวใจ บุกสวนยาง ดูต้นทุเรียนร้อยปี ดูแหล่งทอผ้าของชาวมุสลิมในสุราษฎร์ธานี ก่อนแวะซื้อของฝากเล็กน้อยติดมือกลับบ้าน

ในการเดินทางกลับกทม.นั้น เราใช้บริการรถปรับอากาศวีไอพี 24 ที่นั่ง ออกเดินทางเวลา 17.30 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 06.00 น. รวมเวลาเดินทาง 12 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมทำงานในเช้าวันจันทร์พอดี

สำหรับเรา ความสนุกในแต่ละทริปที่นอกเหนือจากจุดหมายปลายทาง ก็คือมิตรภาพของเพื่อนๆ ที่ร่วมเดินทาง แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น คือความสนุกที่เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกเดินทาง ทุกครั้งที่กลับมา เราจะหวนนึกถึงความสุข ความโหด มัน ฮาของทริปที่ผ่านมา และรอคอยว่าเมื่อไหร่ เราจะได้สัมผัสความสุนทรีย์อย่างนั้นอีก...จนกว่าจะพบกันใหม่

 

สรุป สภาพโดยรวมของที่พัก

  • ห้องพักของเราเป็นแบบแคปซูล นอนได้ห้องละ 3 คนสบายๆ ทางรีสอร์ทมีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำให้ แต่แนะนำให้นำไปเอง
  • ห้องน้ำอยู่บนเนินเขาหลังที่พัก เดินไม่ไกล ตอนกลางคืนมีไฟส่องทาง แต่จะติดไฟฉายไปด้วยก็ไม่เสียหาย
  • อาหาร รวมอยู่ในแพ็คเกจแล้ว โดยรวมจัดว่าดี รสชาติถูกปาก ทุกมื้อจะมี 1 เมนูที่เติมไม่ได้ โดยมากจะเป็นไก่ทอด หรือปลาทอด เมนูอื่นๆ เติมได้ไม่อั้น
  • คุณภาพอากาศ และน้ำ จัดว่าดีมาก แนะนำให้ไปช่วงปลายปี – ต้นปี 
  • พนักงานเป็นกันเอง และเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเฉพาะเวลาลงน้ำจะต้องใส่ชูชีพทุกครั้ง แม้จะนั่งเรือก็ตาม

 

สรุป สภาพโดยรวมของพาหนะที่เราใช้ในการเดินทาง

  • รถไฟตู้นอนปรับอากาศ ส่วนตัวชอบและคิดว่าความสะดวกสบายอยู่ในระดับใช้ได้ เทียบกับราคาและบรรยากาศ
  • รถทัวร์วีไอพี 24 ที่นั่ง สบาย นอนได้ ตื่นมาไม่เพลีย สามารถทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้นได้
  • รถตู้ ขับปลอดภัย นั่งสบาย
  • รถสองแถวบริการ ขับปลอดภัย นั่งสบายตามสภาพ

 

สรุป งบประมาณที่ใช้ในทริปนี้ (ไม่รวมค่าขนมจิปาถะ และค่าของฝาก)

  • ค่าห้องพักที่แพภูตะวัน จำนวน 2 คืน 4,000 บาท/ คน
  • ค่ารถไฟตู้นอนปรับอากาศชั้น 2 กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี (เตียงล่าง) 768 บาท/ คน
  • ค่ารถตู้จากสถานีรถไฟ-ตาขุน 150 บาท/ คน
  • ค่ารถสองแถวจากขุนตาล-ท่าเรือเขื่อนรัชชประภา 50 บาท/ คน
  • ค่าเหมารถตู้ของแพภูตะวันพาเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  3,500 บาท/ วัน (เฉลี่ยคนละ 600 บาท)
  • ค่ารถทัวร์วีไอพี 24 ที่นั่ง (สมบัติทัวร์) 711 บาท/ คน

 

รวมค่าใช้จ่าย 6,279 บาท

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

การรถไฟ เปิดจองตั๋วรถไฟออนไลน์แล้ว ดูวิธีการจองตั๋วรถไฟ

5 เขื่อนสวยในเมืองไทย ไปสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการกลางธรรมชาติ!!

สุราษฎร์ธานี ไม่ได้มีดี แค่ร้อยเกาะ

-เขื่อนเชี่ยวหลาน นั่งรถไฟชิลๆ วิวดี น้ำใส ถ้ำสวย

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ หนีร้อน...ไปเล่นน้ำ นั่งรถไฟชมวิวเที่ยว 'แพภูตะวัน' เขื่อนเชี่ยวหลาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook