โดดออกจากโลกใบเดิมแล้วไปเที่ยวอย่างมีความหมาย..ใช้ชีวิตโฮมสเตย์ในไร่กาแฟ กลางหุบเขา จ.เชียงราย

โดดออกจากโลกใบเดิมแล้วไปเที่ยวอย่างมีความหมาย..ใช้ชีวิตโฮมสเตย์ในไร่กาแฟ กลางหุบเขา จ.เชียงราย

โดดออกจากโลกใบเดิมแล้วไปเที่ยวอย่างมีความหมาย..ใช้ชีวิตโฮมสเตย์ในไร่กาแฟ กลางหุบเขา จ.เชียงราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสน่ห์ของการเดินทาง คือความทรงจำ ความประทับใจ ภาพถ่ายสวยๆ กับของฝากเก๋ๆ..แต่จะมีซักกี่ครั้งที่การเดินทางนั้น "ให้คำตอบ" บางอย่างกับชีวิตได้ เหมือนอย่างทริปนี้..

          เกริ่นก่อนว่า ทริปนี้คือโครงการ "iCARE Voluntour" ภายใต้องค์กรสร้างสรรค์เพื่อสังคม iCARE โดยบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ นักศึกษาได้ใช้ช่วงเวลาปิดเทอม ที่บ่อยครั้งถูกปล่อยผ่านเลยไปแบบไร้ความหมาย ในการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม และเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตในเวลาเดียวกัน ด้วยการผสมผสานงานอาสาสมัคร การเรียนรู้ธุรกิจเพื่อสังคม และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้าด้วยกัน



          น้องๆนักศึกษาจะมีโอกาสลงมือทำ ตั้งแต่การปลูก-เก็บ-บด-ชง-ชิมกาแฟ ในไร่กาแฟอินทรีย์ไร้สารเคมี ที่ช่วยรักษาป่า และสร้างรายได้แก่ชาวบ้าน กลางหุบเขา จ.เชียงราย ตามรูปแบบกิจการเพื่อสังคม ซึ่งจากจำนวนผู้เข้าสมัครกว่า 500 คน จนคัดเลือกเหลือ 20 คน จาก 15 สถาบัน ที่จะได้ไปค้นหาความหมายของการเดินทางร่วมกับเรา..พร้อมแล้วก็แพ็คกระเป๋า ตามไปเที่ยวด้วยกันดีกว่า






เริ่มต้นกิจกรรมแรกก็โดนใจคอกาแฟซะแล้ว กับการชิมกาแฟแบบต่างๆ ที่พี่ๆ จาก "มีวนา" กาแฟอินทรีย์รักษาป่า มาให้ความรู้ ตั้งแต่เรื่องของกลิ่น และรสชาติของกาแฟ ที่แตกต่างกันตามลักษณะการคั่ว

เรียนรู้วิธีการชงกาแฟแบบ "ดริป" ที่ให้กลิ่น และรสชาติของกาแฟที่แท้จริง






รู้จักหน้าตาเมล็ดกาแฟ และวิธีการบด



          หลังจากชิมกาแฟกันไปแล้ว ช่วงบ่ายก็มีกิจกรรมพื้นเมืองสุดๆ อย่างการทำ "ต้นเกี๊ยะ" สำหรับใช้ในประเพณีแห่ต้นเกี๊ยะ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันออกพรรษา อันเป็นประเพณีความเชื่อของชาวเหนือ ซึ่งชาวบ้านหมู่บ้าน "ห้วยไคร้" ที่เรามาพักอยู่ก็ใจดี ให้เรามาร่วมแห่ด้วย





เราแห่ต้นเกี๊ยะกันจนมาถึงวัดประจำหมู่บ้าน



          ที่วัดนี้มีเจ้าอาวาสจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียว ท่านสวดมนต์ให้ศีลให้พรกับพวกเรา ภายใต้อากาศที่เริ่มหนาวมากขึ้นๆ และท้องฟ้าที่มืดสนิทตั้งแต่ยังไม่ 1 ทุ่มดีนัก แม้จะมีเพียงแค่แสงเทียนที่ให้ความสว่าง แต่กลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก









          หลังอิ่มอกอิ่มใจกับศีลและพรไปแล้ว ก็มีการจุดไฟเผาต้นเกี๊ยะตามความเชื่อ และร้องรำทำเพลงร่วมกับชาวบ้าน มีทั้งเพลงฮิตติดชาร์ต เพลงลูกทุ่ง เพลงพื้นเมือง สลับสับเปลี่ยนไป แม้จะไม่เคยได้ยินบางเพลงมาก่อน แต่ทุกคนก็พร้อมจะสนุกสนานไปด้วยกัน

เช้าวันที่ 2 กับอากาศหนาว พวกเราเลยออกมาผิงไฟ จิบกาแฟยามเช้า

เติมพลังด้วยอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ไปดูต้นกาแฟตัวเป็นๆ กันซะที เริ่มจากการอธิบายลักษณะของต้นกาแฟ จากทีมพี่ๆ มีวนา





หลังจากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการเก็บผลกาแฟ



แอบมีกิมมิคเล็กๆ น่ารัก ด้วย "Coffee Diary" ที่แจกน้องๆ ทุกคน เอาไว้ใส่ผลกาแฟในระยะต่างๆ เรียงสีสันกันได้ตามชอบใจ

ผลงานการเก็บผลกาแฟ

หลังจากนั้นก็เป็นการคัดแยกผลที่สมบูรณ์ออกจากผลที่ไม่ได้คุณภาพ ผลที่ลอยน้ำจะถูกคัดออกเป็นกาแฟเกรดที่ต่ำลง



ผลงาน Coffee Diary ของแต่ละคน



มื้อเที่ยงของวันนี้ เราปูเสื่อกินข้าวเหนียว หมู น้ำพริกหนุ่ม กันกลางป่าเลยทีเดียว







          เมื่อเติมพลังเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินเล่นในป่า สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ เล่นน้ำตกเย็นๆ ไฮไลท์ไม่ได้อยู่แค่บรรยากาศธรรมชาติของป่าที่สมบูรณ์ แต่การนั่งรถกระบะลุยป่า ฝ่าน้ำตกเข้ามาก็เพิ่มอะดรีนาลีนในร่างกายได้ไม่น้อยเลยจริงๆ




บุกป่าเสร็จแล้วก็บังเอิญว่าชาวบ้านกำลังจะสร้างลานตากกาแฟใหม่ พวกเราเลยได้โอกาสไปร่วมลงแรง ถึงจะร้อนไปนิด ก็ไม่หวั่น ยิ้มหัวเราะกันตลอดภารกิจ






นอกจากใช้แรงแล้ว น้องๆ สายอาร์ตก็ได้ออกไอเดียช่วยกันทำป้าย เพื่อใช้ติดตามสถานที่ต่างๆ ของหมู่บ้าน











เข้าสู่วันสุดท้ายของการเดินทาง เราได้ออกไปปลูกต้นกาแฟกันในป่า และให้สัญญาว่าอีก 3 ปี จะกลับมาเก็บเมล็ดพันธุ์จากผลงานของพวกเรา



ก่อนจะจากลากันก็มีพิธีบายศรีผูกข้อไม้ข้อมือ โดยผู้เฒ่าผู้แก่แห่งหมู่บ้านห้วยไคร้


          ทริปนี้ แม้จะต้องอดทนกับการอาบน้ำเย็นเฉียบทั้งเช้าเย็น (ซึ่งบางคนก็ไม่ได้อาบ) ต้องนั่งรถตู้ ต่อรถกระบะ เกือบ 15 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย ต้องทนกับอากาศหนาวในยามค่ำคืนกว่า 10 องศา ต้องอยู่แบบไม่มีแสงสี ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และ Wifi อดแชท อดอัพรูปกันไปตามระเบียบ และหลายๆ คนต้องยอมสละเวลาอ่านหนังสือสอบเพื่อมาร่วมทริปกับเรา..แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ากว่ามาก


          มันคือการเปิดโลกมุมใหม่ของการเดินทาง ได้ใช้ชีวิตร่วมกับชาวหมู่บ้านห้วยไคร้ที่ทำให้รู้ว่าชีวิตยังมีอะไรให้ค้นหาและเรียนรู้อีกมากมาย นอกจากการใช้ชีวิตติดอยู่กับจอมือถือ เราได้เข้าใจถึงต้นทางของกาแฟหนึ่งแก้วที่เราดื่มด่ำกันนั้นมันเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย และที่สำคัญที่สุดเราได้ปลูกจิตสำนึกให้กับน้องๆ ทั้ง 20 คน ที่ในอนาคตอันใกล้ พวกเขาจะแยกย้ายกันไปมีหน้าที่การงาน มีบทบาทในสังคมยุคถัดไป และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องของกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่น้องๆ ได้สัมผัสจากโมเดลธุรกิจของ "มีวนา" จะเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นเหมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ลงในจิตใจ เพื่อให้น้องๆ ได้นำไปต่อยอดสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคมต่อไปในอนาคต


          ยังมีเรื่องราวดีๆ เพื่อโลกที่เราแคร์ อีกมากมาย ที่องค์กรสร้างสรรค์เพื่อสังคม iCARE โดยบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมจะสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น เพื่อให้โลกใบนี้มีสิ่งดีๆ มากขึ้นทุกวัน คลิกเปิดรับแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ที่ http://icare-club.com และhttps://www.facebook.com/iCAREClub



[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook