ภูกระดึง 6 วัน 5 คืน ด้วยสองเท้าก้าวเดิน ท่องไปด้วยใจอิสระ ตอนที่ 2
หลังจากตอนที่แล้วเราได้ไปผาต่างๆ แวะน้ำตก เดินไปประมาณ 15 กม. มาดูกันว่าตอนนี้จะมีแรงเหลือมากน้อยแค่ไหน ตามคุณ หมาป่าเดียวดาย บนยอดดอย ไปต่อกันเลยค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 7 พ.ค. 2558 เช้านี้ที่อ่างเก็บน้ำแล้วกัน ไม่อยากเดินไกล
ลมกำลังเย็นสบาย พระอาทิตย์กำลังขึ้น พระจันทร์ก็ยังไม่ตก
ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนลืมระวังตัวเอง โดนเข้าจนได้ แขนขวาเพิ่งแค่ไต่ขึ้นมา ยังปัดออกได้ แต่แขนซ้ายนี่ไม่รอด บริจาคเลือดไปเรียบร้อย
หลากหลายเรื่องราวบนลานสนยามเช้า
เนื่องจากเมื่อวานผมเดินเยอะมาก วันนี้ผมเลยคิดว่าจะเดินให้น้อยลง ไปที่ใกล้ ๆ หน่อยแล้วกัน
น้ำตกธารสวรรค์ เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงาม ทางที่ผมเดินเข้าไปนี่ปูพรมเขียวไว้เลย
ขนาดเล็กนิดเดียว จิ๋วแต่แจ๋ว
เดินย้อนกลับมาทางสระแก้ว (อีกแล้ว)
ในน้ำจะมีพรรณพืชลักษณะคล้าย ๆ สาหร่ายขึ้น มีดอกสีขาว ผมไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่า คันฉ่องน้ำ รึเปล่า
สุดท้ายผมก็ไปนั่งติดฝนอยู่ที่ผานาน้อยอีกวัน ภูเขาทะมึนเบื้องหลังนั้นคือภูผาจิต
ผานาน้อยจะมีลานหินกว้าง ๆ ใต้ร่มเงากิ่งสน ลมพัดเย็นสบาย เหมาะแก่การนั่ง ๆ นอน ๆ
การเดินทางครั้งนี้ผมพอใจนะ จะขาดก็แค่อยู่มาหลายวัน ยังหาทะเลหมอกไม่เจอเลย สงสัยฝนยังตกไม่หนัก ความชื้นยังไม่พอ เลยได้แค่แม่น้ำหมอก
ดอกไม้ริมทาง
ผาจำศีลอีกซักครั้ง
ช่วงเดือนนี้ แนวโคจรของพระอาทิตย์เคลื่อนไปตกหลังป่าสน ดังนั้นจะรอชมพระอาทิตย์ตกที่ผาไหนก็ไม่เห็นทั้งนั้นครับ ป่าสนบังหมด ผมเลยมายืนรอที่หลังองค์พระพุทธเมตตาน่าจะดีกว่า สะดวกและใกล้ที่พัก
ท้องฟ้ายามเย็น ก่อนที่แสงสุดท้ายจะหมดลง
ไม่รู้ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับกวางตัวนี้ วันก่อนก็แอบคาบคุ๊กกี้ไปทั้งถุง เวลากินข้าวก็มายืนไซโคอยู่ข้าง ๆ เอาจมูกมาดันแขนมั่งล่ะ
เห็นว่าน่ารักอย่างนี้ ผมบอกไว้เลยว่าอย่าประเมินความสามารถของกวางบนภูกระดึงต่ำเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องหาของกิน ถ้าคุณลืมของกินที่มีกลิ่นแรงไว้ในเต้นท์ กวางจะมาถล่มเต้นท์คุณแน่นอน กวางบนนี้มีความสามารถพิเศษในการรูดซิปเปิดเต้นท์ แกะห่อฮานามิ ฉีกซองมาม่า หรือแม้แต่เปิดฝาปลากระป๋อง (ฝาดึง) จบวันนี้ เดินทางไประยะทางประมาณ 9 กม.
วันศุกร์ที่ 8 พ.ค. 2558 เนื่องจากวันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวท่านใดไปผานกแอ่นเลย ผมเลยต้องไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่อ่างเก็บน้ำอีกแล้ว
ทากดูดเลือด คือตัวชี้วัดความบริสุทธิ์ของพื้นที่ป่าตรงนั้น แสดงว่ามีความสมบูรณ์และไม่มีสารเคมีเจือปนในดิน เราจะเจอพวกมันบนภูกระดึงในช่วงหน้าฝนนี่แหละ เมื่อทากมา ความมีชีวิตชีวาก็ก่อเกิด เดินไปทางไหนมักได้ยินเสียงสาว ๆ กรีดร้องอยู่เป็นพัก ๆ ก็เป็นสีสันความตื่นเต้นอีกแบบหนึ่งบนภูกระดึง
เจ้าหน้าที่บอกผมว่า วันนี้นักท่องเที่ยว (มีอยู่ 4 คน) จะลงจากภูทั้งหมด ทำให้วันนี้มีผมเป็นนักท่องเที่ยวอยู่คนเดียวบนภู จะไปไหนก็ระมัดระวังหน่อยนะครับ เอาแล้วไงล่ะ เป้าหมายสุดท้ายที่ผมตั้งใจไว้ก็คือ น้ำตกถ้ำสอเหนือ ถึงจะเหลือผมคนเดียวก็คงต้องเดินหน้าต่อไป มาตั้งต้นที่หน้าองค์พระพุทธเมตตา กราบขอพรให้พระท่านคุ้มครองให้การเดินทางปลอดภัย
เดินผ่านป่าสนและทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา
ถึงแล้ว สระอโนดาต
เดินไปบนเส้นทางที่เปลี่ยว ผ่านป่าดิบที่มืดครึ้ม
เดินทางมาไกล ในที่สุดก็ถึงแล้ว น้ำตกถ้ำสอเหนือ น่าเสียดายที่มีน้ำน้อยมาก
ภายหลังได้สอบถามกับแม่ค้าที่ผาหล่มสัก ทราบว่า ไม่มีฝนตกบริเวณป่าสนแถวผาหล่มสักเลย อาจทำให้น้ำที่ไหลไปรวมกันที่น้ำตกถ้ำสอเหนือมีน้อยลงด้วย
บนเส้นทางไปยังด้านหลังผาหล่มสัก
ท่องเที่ยวแนวนี้ การที่เรามีเลนส์อเนกประสงค์มันก็สะดวกดีนะ คุณภาพก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อาจจะไม่ดีเท่าเลนส์เฉพาะช่วง แต่ข้อดีก็คือภาระของเราจะน้อยลง และสนุกกับการถ่ายรูปได้มากขึ้น ขอแค่ให้มันได้บันทึกความประทับใจของเราไว้ก็พอแล้ว เลนส์มีมาโครเทียม + กันสั่น ให้ใช้ ก็จัดไป นี่ดอกสาบแร้ง
เอารูปมา crop ก็พอไหวอยู่
ดอกกระดุมเงินป่า
ดอก ?
มาติดฝนที่ผาหล่มสักอีกร่วมชั่วโมง ขณะนี้มีร้านค้าเหลืออยู่แค่ 2 ร้าน กับอีก 1 นักท่องเที่ยว
รีบกลับดีกว่านะเรา ถ้ากลับไปช้ามาก ทางเจ้าหน้าที่อาจจะเป็นกังวลได้ เดินไปเรื่อย ๆ เลาะเลียบหน้าผา ไปตามป่าสน ฝนตกปรอย ๆ ลมพัดเย็น ๆ
พอผมเดินไปถึงผาเหยียบเมฆ (เวลาประมาณ 17.30น.) ก็มีเจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจากผาหล่มสัก พาผมไปส่งถึงที่พัก ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ครับ
กลับมาที่องค์พระพุทธเมตตาอีกครั้ง เพื่อรอชมแสงสุดท้ายของวันนี้
ผมถึงกับเลือก white balance ไม่ถูกเลย โทนสีไหนก็สวยหมด
กวางน้อยเหลียวหลัง
อยู่มา 5 คืน จากพระจันทร์เต็มดวง ตอนนี้ก็แหว่งไปเกือบครึ่งแล้ว
จบวันนี้ เดินทางไประยะทางประมาณ 15 กม.
วันเสาร์ที่ 9 พ.ค. 2558 เมื่อคืนนี้ฝนตกมาพอสมควร แต่เช้านี้ที่ผานกแอ่นก็ยังไม่มีทะเลหมอก ผมคงต้องกลับมาแก้ตัวอีกทีตอนเดือนตุลาคม
กราบนมัสการลาพระแก้ว
โลกเล็ก ๆ บนลานหิน
ก่อนลงจากภู กวางคู่ปรับของผมเอง เดินมาหาเหมือนมันจะยิ้มเยาะ ๆ “ไม่เจอทะเลหมอกล่ะสิ สมน้ำหน้า” พอปิดภู ไม่มีนักท่องเที่ยวแล้วจะรู้สึก เจ้ากวาง
เห็ดป่า (ลืมชื่อ) เจอระหว่างซำแคร่ เห็นแม่ค้าที่ซำแฮกบอกว่ากินได้
พอลงมาถึงตีนภู ฝนก็กระหน่ำมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ส่งท้ายทริปของผมให้จบลงแบบปอน ๆ จบวันนี้ เดินทางไประยะทางประมาณ 12 กม. รวมแล้ว 6 วันก็เดินไป 80 กว่ากิโลเมตร
สำหรับการไปภูกระดึงครั้งนี้ ก็มีสิ่งที่ผมได้เจอ ได้ทำตามความตั้งใจ และก็มีอยู่บ้างที่ผมพลาดไป แต่ก็ไม่เป็นไรครับ โอกาสหน้ายังมี หลังจากที่ได้ใช้เวลาอย่างอิสระ ตัดขาดโลกภายนอกที่วุ่นวาย จากนี้ไปก็คงต้องกลับไปตั้งใจทำการทำงาน หาเงินกลับมาเที่ยวใหม่แล้วเราจะได้เจอกันใหม่ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามชมครับ
การเดินทางแบบนี้เป็นอะไรที่พิเศษจริงๆ ได้อยู่กับอะไรที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เชื่อว่าทุกคนที่ไปจะได้ความประทับใจกลับมาแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ หมาป่าเดียวดาย บนยอดดอย