ทวนกระแส เกาหลี เจแปน แพ็คกระเป๋าไปเกาะ "มัลดีฟ" ที่ทุกคนใฝ่ฝัน

ทวนกระแส เกาหลี เจแปน แพ็คกระเป๋าไปเกาะ "มัลดีฟ" ที่ทุกคนใฝ่ฝัน

ทวนกระแส เกาหลี เจแปน แพ็คกระเป๋าไปเกาะ "มัลดีฟ" ที่ทุกคนใฝ่ฝัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครหลายๆ คนอาจมีเกาะมัลดีฟ ไว้ในใจใฝ่ฝันว่าต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตแต่บางคนอาจพลาดที่จะได้สัมผัสมัลดีฟเพราะว่าตามกระแสไปแค่ เกาหลี ญี่ปุ่น วันนี้จึงอยากให้ทุกคนตามคุณ uhuboy ไปเที่ยวเกาะมัลดีฟ ด้วยกันค่ะ

ตอนที่ 1


สวัสดีครับ เพื่อนในโลกโซเชี่ยลทุกท่าน ผมมีเรื่องราวมาแบ่งปันกัน ถึงการเดินทางช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ให้เพื่อนฟัง ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าผมเพิ่งเริ่มเขียนเป็นเรื่องเป็นราว แบบนี้เป็นครั้งแรกครับ  ในการมาเที่ยวครั้งนี้ ผมและครอบครัวมีความสุขมากๆขอบอกว่าเกิน คาด และต้องขอบคุณภรรยาที่ จุดประกาย ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา การเดินทางแสนยาวนานกับระยะทางแสนไกล ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ สั่งตรงถึงเกาะเลยทีเดียว ในช่วงนี้ใครๆก็ฝันจะใส่เสื้อหนาวเพื่อไปสร้างบรรยากาศ หนาวๆ แต่ครอบครัว ผมขอแปลกแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่จะหนีร้อนไปสู่ ร้อนกว่า ไปชายทะเล มหาสมุทธอินเดีย สู่หมุ่เกาะมัลดีฟ นั้นเอง ไปกันๆๆ


ภรรยาผมฝันอยากพาเด็กๆและผมมาสักครั้งหนึ่งในชีวิตสัมผัสสิ่งที่เรียกว่าหมู่เกาะในฝัน อันที่จริงผมไม่ค่อยที่จะอยากมานะครับ เพราะอะไรเราทราบกันว่าของแพงแสนแพง  ทั้งค่าที่พัก ราคาเกินๆ ถ้าเราอยากพักแบบดีๆระดับ 5 ดาว ในเมืองไทย แทบจะจองกันไม่ลงเลยทีเดียว เราก็รู้ๆกันมาแล้วว่าต้องสุดติ่งกระดิ่งแมว แต่ค่า ห้องพัก ค่าเดินทาง ระดับราคาขนาดไหน คูณสี่คนที่จะต้องไปด้วยกัน เข้าไป  โอ้แม่เจ้า ไปหาที่เที่ยวดีๆประเทศอื่นๆได้เลย... ผมถึงบอกไม่อยู่ในฝันของผม แต่ มาซัมเมอร์นี้ ภรรยาบอกเราต้องไปนะ เที่ยวสักครั้งแบบที่เราก็แบกกันไปไม่มีไกด์ ไปกันเอง ก็น่าเร้าใจแสน....เอาก็เอาจึงตกลงจะเดินทาง  ใช้เวลาในสองสัปดาห์หาที่พัก....ได้แล้ว ฝีมือภรรยาผม จัดหาทุกสิ่งอย่างตามที่ต้องการทั้งตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก...
ค่าเครื่อง ไป-กลับ 14500 บาท ต่อคน
ค่าที่พัก ที่ Angsana    อาหาร 3 มื้อ 1 คืน 675 เหรียญ
ค่าที่พัก ที่ Bayan tree อาหาร 3 มื้อ 1 คืน 1000 เหรียญ
ค่าที่พัก ที่ J hotel  อาหาร 2 มื้อ 1 คืน 250 เหรียญ
พ็อคเก็ตมันนี่ 900 เหรียญ
แล้ววันเดินทางก็ได้มาถึงแพ็คของพร้อมชุดว่ายน้ำเสื้อผ้าบางๆ ครีมกันแดด ไม่มีเสื้อหนาว ถุงมือ ลองจอน  กระเป๋าเราเล็กๆไปแค่สามวันเอาอะไรมามาก แต่...ก็เยอะตามประสาบ้าหอบฝาง.งงง  รู้ว่าที่นั้น อาหารพิเศษ เพิ่มราคา เครื่องดื่มแพง จัดการ ขนน้ำ เครื่องดื่ม ขนม ขบเคี้ยว ให้เด็กๆ  แล้วจัดการบินลัดฟ้าข้ามมหาสมุทรกันไปเลยทีเดียว แมดอินไทยแลนด์ เอาไปด้วยดีกว่า แล้วพร้อมไปกัน

ครั้งแรกที่เดินทางเท้าแตะพื้นดิน หมู่เกาะมัลเล่ ชื่อเรียก ของคนที่นี่ใช้เรียกแทนคำว่า มัลดีฟ บรรยากาศช่างไม่เหมือนบ้านเรา  เจอสภาพสนามบิน แสนธรรมดา แต่ในใจนึกว่าสนามบินแบบนี้แหละต้นทุนต่ำแต่สร้างกำไรงามๆให้ประเทศเค้าได้ขนาดไหน คนต่างชาติมาต่อปีเดินเข้ามาประเทศนี้ ไม่รู้มากันมากมาย เรารู้แต่ว่า  เรามากันแค่สี่คน คนอื่นๆไม่มีใครรู้จักก็ทำให้เหมือนว่าเหลือคนไทย สี่คนสุดท้ายในแดนแสนไกล

 

เดินผ่านร้านค้าสนามบินมาเจอคนถือป้ายที่พักแสนดีใจ  เราจะไปไงต่อไป ไหนเค้าพาเราไปตั้งแต่เจอกันตะกี้ ส่งภาษาอังกฤษสำเนียงแขก พอฟังได้ เค้าแนะนำตัวยิ้มแย้ม พาเราไปแจ้งยังพนักงานที่โต๊ะรับรอง เราเดินตามเหมือนกลัวโดนทิ้ง เค้าโค้งคำนับเราอย่างนอบน้อมแสนบรรยาย เราสี่คนเหมือนได้รับการต้อนรับอย่างคนสำคัญ พวกเขาพนักงานต้อนรับของที่พักเรา พาเดินแทบจะอุ้ม งานนี้คงไปลงเรือครับ แต่ลำไหน ตรงไหน จะเดินไปอีกไกลไหม เค้าเดินมาแจ้งให้หยุดเราก็หยุด บอกเราว่าเรือเร็วลำนั้นใช้เดินทางต่อ รึที่เราเรียกว่าสปรีดโบ้ทนั้นเอง  ลงเรือมามีชาวต่างชาติมากับเราด้วยทั้งหมดไม่ถึงสิบคน จากไหนไม่รู้ แต่สุดท้ายมาลงเรือลำเดียวกัน กัปตันเรือตามธรรมเนียมแนะนำตัวก่อนออกเรือ และแจ้งว่าเราต้องเดินทางต่อใช้เวลา 25 นาที   เรายังงงไม่หายกับการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่แสนง่ายดาย แล้วที่นี้ที่รู้กันว่าเวลาที่นี่เป็นเวลาช้ากว่าไทย สองชั่วโมง  

ขึ้นเรือมามามองรอบๆเรือแสนสะอาดมั่นคงแข็งแรงอุปกรณ์ทุกชิ้นสะอาดเอี่ยม พนักงานแจกเสื้อชูชีพแสนทันสมัยอันนิดเดียวเท่ากับหมอนรองคอที่ใช้นั่งนอน ไม่เห็นเหมือนของบ้านเราที่ใหญ่ๆ (เพราะทุ่นขนาดไหนขนาดมันก็ใหญ่ตามขนาดเลย)

มาดูบรรยากาศวิวทะเลแรกที่สัมผัส นั้นไม่ต้องพูดถึง  เกินคำว่าสวยงาม สมคำที่หลายๆคนพูดถึงจริงๆ  ทะเลใสอย่างน้ำในสระ ใสจริงๆริมน้ำริมหาด ของเราเป็นอย่างไรใจตุ้บๆ มาแล้ว

ยี่สิบห้านาทีผ่านไป  เราก็เริ่มเห็นเกาะที่พักแล้ว  Angsana Resort & Spa Ihauru    เมื่อเรือถึงท่าเรือที่เราพัก  ก็มีพนักงานชายแต่งกายสุภาพออกมายืนต้อนรับกล่าวคำทักท้ายและกล่าวต้อนรับพาไปลงทะเบียน เพื่อเข้าโรงแรมตามที่จองมาอย่างสุภาพ   ช่างปฎิบัติเหมือนเราเป็นดั่งคนสำคัญสำหรับเขา ตั้งแต่เดินเข้ามาจากท่าเรือ มาถึงที่ล้อบบี้ พวกเราไม่มีอะไรติดขัดรึทำให้เราหงุดหงิดเลยจากการบริการที่ได้รับ

พื้นต่างๆที่เราเดินได้ในเกาะนี้  รวมในห้องอาหารคือทรายล้วนๆพื้นทรายที่เราถอดรองเท้าเดินได้เลย อากาศก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ เหงื่อออกบ้างแต่มีลมทะเลมาชดเชยตัวไม่เหนียวสบายๆ บรรยากาศครอบครัวรึไม่ต้องพูดถึงภรรยายิ้มแป้มปริ ที่เห็นพวกเราลูกๆ มายืนในที่ในฝันแห่งนี้จนได้ เวลาที่นัดตามตารางคือเวลาบนเกาะนี้จะเร็วกว่าที่สนามบินมัลเล่ย์ หนึ่งชม อ้าวปรับเวลากลับอีก   เพราะที่นี่สำคัญ  ต้องรู้เวลา บนเกาะจะกำหนดการต่างๆเอง รวมทั้งในการบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ตก เวลาห้องอาหาร เปิดปิด กิจกรรมต่างๆ หากเราไม่รู้เลยนั้น  พลาดอะไรแน่ๆ


ผ่านการกินอาหารเที่ยงมาได้ผ่านพิธีการด้านเข้าห้องพักได้ พักที่  สิ่งหนึ่งที่ได้มาจากที่นี่แต่ละที่ไม่เหมือนกันคือบรรยากาศ วิธีการต้อนรับการพูดจา พนักงานอบรมมาอย่างดีดี ไม่มีอะไรที่เราติดขัด รึขัดข้องใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อเข้าห้องพักทุกๆคนรวมทั้งผมด้วย ต้องตื่นเต้นกับบรรยากาศสภาพห้องที่เลิศหรูดูดีมากๆ ในบรรยากศที่เดินออกไปได้เป็นทะเลทุกๆคนรีบเปลี่ยนชุดทันทีเตรียมตัวลุย...ที่จริงเรา.เป็นคนไทย 4 คน ในที่แห่งนี้ ดีจังที่คิดไม่ผิด ถ้าไปเกาหลี ญี่ปุ่น ป่านนี้เดินไปไหน ได้ยินเสียงคนไทยคุยกันตลอดทุกหนทุกแห่ง แต่ที่นี่เราคือคนไทยกลุ่มเดียว.......จริงๆ 555 เพราะถามหน้าฟร้อนท์แล้วไม่ค่อยมีคนไทยมาที่นี่ งั้นเราลุยกันเลย....สบายจริง

 

ไปเล่นน้ำแล้วนะครับ ต้องมาให้คุ้มๆไม่งั้นเสียดายแย่ เริ่มตั้งแต่เดินสำรวจ วิ่งสำรวจเดินหา ว่ายน้ำ ดำนำ เอารูปมาฝากดีกว่า

เอาแค่นี้ก่อน วันแรกการเดินทาง ว่างๆจะมาลงต่อครับ
(ติดตามตอนต่อไปครับ) 

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ uhuboy

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook