บนภูกระดึงมันมีอะไร ? แชร์ประสบการณ์เดินเท้ากว่า 30กิโลเมตรบนยอดเขาสูงภูกระดึง

บนภูกระดึงมันมีอะไร ? แชร์ประสบการณ์เดินเท้ากว่า 30กิโลเมตรบนยอดเขาสูงภูกระดึง

บนภูกระดึงมันมีอะไร ? แชร์ประสบการณ์เดินเท้ากว่า 30กิโลเมตรบนยอดเขาสูงภูกระดึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ว่ากันว่าชีวิตนี้ต้องพิชิต "ภูกระดึง" สักครั้ง ไม่ใช่แค่ความสำเร็จเมื่อเราถึงบนยอดดอยเท่านั้นที่เป็นความทรงจำ แต่เรื่องราวการเดินทางระหว่างขึ้นเขาต่างหากที่เราจะไม่มีวันลืม 

เกริ่นมาอย่างนี้หลายคนคงสงสัยแล้วว่า "ภูกระดึง" มีอะไรดี ถึงต้องลองสักครั้ง เรามีรีวิวดีๆ จากคุณ ปั๋น ปั๋น มาฝากครับ 

 

เมื่อวันที่ 15-17 ธันวาคม ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสกลับไปที่ภูกระดึงอีกครั้ง ครบปีพอดี

ครั้งที่แล้วหลังจากลงมาถึงพื้นดิน บอกตัวเองว่า "ครั้งเดียวพอค่าาาา จะไม่พาตัวเองมาลำบากอีกแน่ ! " แต่ไม่รู้ทำไมพอถึงหน้าหนาวธันวาปีนี้ กลับทำให้คิดถึงมาก มากจนสุดท้ายก็ตัดสินใจแพ็กกระเป๋าเพื่อกลับไปเยือนภูกระดึงอีกครั้ง

คงเป็นเพราะครั้งแรกที่ไป เราขึ้นไปถึงค่ำ ตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ลงจากภูเลย(มันขึ้นไปทำไม)  เลยไม่รู้ว่าข้างบนนั้นมันมีอะไรอีก -*-
ครั้งนี้เลยตั้งใจว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าข้างบนนั้นมันมีอะไร เห็นหลายคนมาตั้งกระทู้พูดถึงทางขึ้นที่สุดโหดไปหลายกระทู้แล้ว
บอกตามตรง เราแทบไม่มีกะใจควักกล้องออกมาถ่ายระหว่างทางขึ้นภูเลย เพราะแค่ตั้งใจเดินอย่างเดียวเนี่ย ก็กลัวจะไม่ถึงแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆ

นี่คือแผนที่ทางเดินเท้าบนภูกระดึงค่ะ และสีแดงๆคือเส้นทางที่เราเดินด้วยเท้า เริ่มเดินตอน 9 โมง จบตอน 5 โมงเย็นค่ะ รวมระยะทางไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร


 

เราขึ้นภูวันที่ 15 ถึงประมาณ บ่ายโมงครึ่งเดินเล่นแถวที่พักรอลูกหาบ อาบน้ำ ดูพระอาทิตย์ตก กินข้าวกินยา นวดยา ดาวสวยมาก นอน

16 ธ ค 57 เริ่มออกพจญภัย (อิอิ) ดูพระอาทิตย์ขึ้น เดินป่า ดูน้ำตก เลาะหน้าผา กลับที่พัก (เหมือนน้อยๆแต่น๊านนาน)

17 ธ ค 57 ตื่นเช้า หนาวมาก น้ำไม่อาบ ล้างหน้าแปรงฟัน ลงเขา

เป็นทริปที่ประทับใจมากและปวดขามากมากแบบแทบทนไม่ไหว มันอัดอั้นตันใจจริงๆ ต้องระบายออก ฮ่าๆๆๆ

รูปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าดงดิบนะคะ เพราะเราชอบเลยถ่ายไว้เยอะหน่อย

ภาพถ่ายจาก Cannon 60D ความสามารถและประสปการณ์ในการถ่ายภาพ ยังอนุบาล อาจไม่สวยต้องขออภัย T__T
ขอบคุณที่เข้ามาชม ผิดพลาดยังไงขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ

เริ่มต้นที่ตอนเช้า ออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น เป็นวันที่หมอกจัดมาก ไม่เห็นพระอาทิตย์เป็นดวงๆ โผล่มาอีกที นู่น 7 โมง อยู่เหนือเมฆไปแล้วค่ะ แต่ก็ยังลงส่องแสงลอดเมฆมาให้เราได้เสพความงามบ้าง ถึงเดอะซันจะไม่มาเป็นดวงกลมๆ แต่หมอกหนาๆวิ่งชนยอดเขากับแสงทองจางๆก็แทนกันได้ค่ะ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี

อกไม้น่ารักระหว่างทางกลับที่พักหลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว

พอพระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อย อากาศก็ไม่มีท่าทีว่าจะอุ่นขึ้นเลย หมองยังคงลอยให้เห็นอยู่ เราก็เดินทางกลับที่พัก
เตรียมตัว เพื่อออกเดินป่าต่อค่ะ

ระหว่างทางกลับที่พัก ต้นสนสองใบ ต้นเล็กๆน่ารักค่ะ



ถึงที่พักแล้วว นี่แค่ตอนเช้า เหนื่อยแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆ


อาหารที่ขายในจุดบริการนักท่องเที่ยวแพงยังกับไปเมืองนอก เป็นบทเรียนจากครั้งแรกที่มาค่ะ ครั้งนี้เลยเตรียมบะหมี่ถ้วย และปลากระป๋องมาเพียบแต่ไม่มีรูปตอนกินนะคะ เพราะหิวและซัดเข้าไปเร็วมาก ลืม ว่าต้องถ่ายด้วยเรอะ ฮ่าๆๆ รอบนี้เสียแค่ค่าข้าวสวยเปล่าๆ จานละ 25 บาทค่ะ แหม กินข้าวกระเพราภาคพื้นได้เลยนะนั่น อิอิ

พอกินเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินป่าค่ะแพ็คอาหารกลางวันใสเป้แล้วออกลุยเล้ยย !


เดินมาได้ไม่ไกล ค่ะ ประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ถึงน้ำตกแรก น้ำตกวังกวาง อยู่ไกล้ๆที่พักสุดที่ได้ชื่อนี้คงเพราะแถวๆนี้มีกวางเยอะค่ะ
ตอนเดินไปถึงมีคนอยู่ก่อนแล้ว เยอะมากไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปถ่ายได้ และช่วงนี้ไม่ค่อยมีน้ำทำให้น้ำตกไม่ค่อยสวย เราเลยเดินลงไปดูนิดหน่อยแล้วผ่านค่ะ


แล้วก็เดินต่อ เริ่มรู้สึกว่าเดินขึ้นๆเรื่อยๆเลย ชักเหนื่อย (นี่เพิ่งกิโลเมตรแรกเองนะว๊อยย) คราวนี้เดินขึ้นเขาไปอี๊ก รู้เลยว่าขึ้นแบบนี้เดี๋ยวได้ลง แล้วเดี๋ยวได้ขึ้นอีกแน่ๆ เตรียมใจไว้แล้วค่ะ เดินไปบ่นไป 55555 แล้วก็จริงค่ะพอถึงช่วงไกล้น้ำตกที่สองเราก็อยู่บนหุบเขาในเขตป่าดงดิบแล้วว

คุณชายเดินออกไปตรงชะง่อนหิน เสียวตกมาก ส่วนเรายืนถ่ายอยู่ห่างๆค่ะ (ไม่ได้กลัวแค่ไม่กล้า555) มองออกไปเจอทิวเขาไกล้ๆ สวยมากค่ะ
พยายามถ่ายล่ะได้เท่านี้ อิอิ

แล้วก็ตามคาดจากนั้นเดินลงไปตามหุบเขาค่ะ



มีแทรกตัวตามโขดหินด้วยยย



เห็นอยู่ข้างหน้าแล้วค่ะน้ำตกแห่งที่สอง ชื่อน้ำตก เพ็ญพบใหม่ค่ะ ตั้งตามชื่อผู้ค้นพบค่ะ คนชื่อเพ็ญนี่เจอน้ำตก สองที่เลย


น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกแห่งที่สองที่ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตรค่ะ จริงดังเขาว่า หน้าหนาวแล้งน้ำแห้ง เห็นแล้วค่ะใบเมเมิ้ลแดง ทีแรกว่าจะตื่นเต้น แต่มันก็ใบไม้อ่ะนะ ฮ่าๆๆๆๆ

นี่ค่ะ น้ำตก น้ำหยดติ๋งๆเชียว ก็มันแล้งนี่เนอะทำใจ แต่ก็สวยอยู่นะ อิอิ



โคลสอัพค่ะ



แล้วเราก็ลัดเลาะลงไปด้านล่างของน้ำตกถ่ายผ่านกิ่งไม้ขึ้นมาก็สวยไปอีกมุมค่ะ

แล้วก็เริ่มเดินต่อค่ะ คราวนี่เข้าเขตป่าดงดิบของจริงแล้ว เขียวสดในมากเลย เดินเรียบไปตามลำธารค่ะ น้ำไหลเรื่อยๆ อากาศหายหนาวแล้วแต่ยังเย็นอยู่ เดินๆไปเจอนี่ มีโยนเหรียญกันด้วยค่ะ ไม่รู้ความหมายว่าโยนไปแล้วจะเป็นอะไร ระหว่างทางก่อนถึงน้ำตกโผนพบค่ะ

 

แล้วก็เดินๆ

แก่งหินระหว่างทางค่ะ


ถึงแล้วค่ะน้ำตกโผนพบ เป็นผาชันๆ

ก่อนจะลงไปน้ำตก ขอมุดนิดนึง



ตรงนี้ถ้าเป็นหน้าน้ำคงลงมาไม่ได้แน่ๆค่ะ

น้ำใสๆในหลุมหินค่ะ


เดินต่อค่ะ โอ่ยย เหนื่อยแล้วค่ะพอมาถึงตรงนี้ กลับไม่ทันแล้วด้วย 555 เดินอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร

ตรงนี้ตอนเดินออกจากน้ำตกโผนพบ ด้านขวาชันมาก เสียวตกตลอดทางค่ะ



แล้วก็ลุยต่อ



ต๋ออีก


ถึงแล้วค่ะน้ำตกถ้ำใหญ่ ตรงที่คนอื่นเค้ามาถ่ายรูปกันเยอะๆ ต้นเมเปิ้ลตรงนี้เยอมาก แดงงมาเชียวค่ะ และไม่มีน้ำอีกตามเคยย

แดงงงงง


จากตรงนี้ก็เดินยาวเลยค่ะ ยาวมากๆ รวมระยะทางประมาณ 9.8 กิโลเมตร ก็ถึงน้ำตกถ้ำสอเหนือค่ะ

ภาพระหว่างทางค่ะ

ถึงแล้วค่ะน้ำตกถ้ำสอเหนืออ ยกให้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในทริปนี้เลย เหตผลเพราะอยู่ไกลสุด ปีนลงยากสุดค่ะ ฮ่าๆๆ

ด้านบนของน้ำตกค่ะ

ลากตัวเองลงมาข้างล่างด้วยความลำบากแล้วก็ได้ภาพนี้


และภาพนี้กับนายแบบค่ะ


เรานั่งพักเหนื่อยตรงนี้อยู่นานเลยค่ะ เพราะ เย็นแล้ะไม่ค่อยมีคน(เค้าเดินไปเส้นอื่นกัน) ลืมบอกเราแวะกินข้าวเที่ยงที่สระอโนดาด ต้องขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพเน้อ พอดีตรงนั่นถ่ายแต่วิดิโอเเลยลืมถ่ายภาพนิ่งเลยค่ะ

เดินยาวเลยค่ะคราวนี้ จากน้ำตกถ้าสอเหนือ ประมาณ 3.2 กิโลเมตร ระหว่างทางเป็นทุ่งโล่ง
มีป้ายเตือนตลอดทางว่า ระวังช้างป่าสองข้างทาง เอิ่มม ม ถ้ามันมาตอนนั้นคงไม่รู้จะไปหนีทางไหนแล้วล่ะค่ะ

ป้ายต่อไปก็คือ ผาหล่มสักค่ะ คือใจไม่กล้าที่จะไปยินตรงนั้นจริงๆ


สวยมากค่ะ ถ่ายไม่ให้ติดคนไม่ได้จริงๆ อิอิ


ตอนอยู่ผาหล่มสักนี่บ่ายสามแล้วค่ะทีแรกว่าจะรอดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ แต่ขานี่คือไม่ไหวแล้ว เดินมา 13 กิโลเมตร (เดินได้ไง๊ว๊าาาา)
บรรยากาศอึมครึมมาก เมฆเยอะ เราไปซื้อมันปิ้งอันละ 20บาท!(ที่บ้าน5บาท) มานั่งกินและตกลงกันว่าเดินต่อเหอะ จะได้กลับถึงที่พักไม่ค่ำ
เพราะเราเองแหละ เริ่มงอแงแล้ว 555555 อยู่ไปเมฆก็บังพระอาทิตย์อยุดี

เลยเดินต่อค่ะ ผ่านผาต่างๆอีกเยอะเลย ถ้าอยุที่ผาหล่มสักจนมืดก็คงไม่ได้เห็น

ผาแดงค่ะ


ทิวสนระหว่างทาง สนมั้ยคะ อิอิ


ผาเหยียบแมฆค่ะ

หลังจากนี้เดินกลับที่พักค่ะ เร่งอย่างเดียวขาแบบว่าไม่ไหวแล้วมาถึงผาหมากดูกตอนประมาณ 4โมงครึงค่ะเดินเร็วมากกับระยะทาง 7 กิโล เป็นทางราบเร่งมากๆ เท้าเริ่มเป็นตะคริวทั้งลากทั้งแบก ค่ะงานนี้ เรานี่งอแงหนักเลยค่ะ เขาก็อุส่าโอ๋ ถ้าเป็นเราคงตบคว่ำบ่นไรนักหนา 555 ตอนนี้รวมระยะทางได้20 กิโลเมตร กว่าๆ โดยประมาณ แล้วเดินกลับที่พักอีก 3 กิโลเมตร รวมเมื่อเช้าอีก 5 เป็น 25 กิโลเมตรค่ะ เห้ย ! อ้าว! นับไปนับมาไม่ถึง 30 แต่รู้สึกว่ามัน50 โลเลยอ่ะ คือมันยอดมาก มากค่ะ เอาเป็นว่ารวมตอนขึ้นภูอีก 9 โล ลงภูอีก 9 โล เป็น 43 กิโลเมตร โดยประมาณ

กลับถึงเต๊นท์ ทำธุระตัวเอง ไปกินข้าวแล้วผลัดกันนวดยา กินยาแล้วก็หลับหลับไวมากกก

เหนื่อยแต่คุ้มค่ะ ตอนนี้ขาหายปวดแล้วมีแรงมาตั้งกระทู้ด้วย


ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดทริปนะ

" จบแล้วค่าาา "

ขอบคุณรีวิวดีๆ จากคุณ ปั๋น ปั๊น https://www.facebook.com/Punzz.NoAlcohol

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook