“แม่แจ่ม” คืนวันฟ้าสั่งฝน เคล้าสายลมชุ่มฉ่ำเย็น วันฝนพรำกับบันทึกภาพวันวาน

“แม่แจ่ม” คืนวันฟ้าสั่งฝน เคล้าสายลมชุ่มฉ่ำเย็น วันฝนพรำกับบันทึกภาพวันวาน

“แม่แจ่ม” คืนวันฟ้าสั่งฝน เคล้าสายลมชุ่มฉ่ำเย็น วันฝนพรำกับบันทึกภาพวันวาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่อง/ภาพ : Forzanu  : https://www.facebook.com/Forzanu

ฝนตก อย่าทำใจร้อนรน อย่ากังวลและพร่ำบ่น ว่ามันทนไม่ไหว เมล็ดพืช อยู่ในดินมากมาย ต่างรอวันที่เริ่มใหม่ เกิดมาเป็นไม้งาม ทุก ๆ ครั้งยามที่ฝนร่วงหล่นจากท้องฟ้า แต่ละคนก็คงมีอารมณ์ และความรู้สึกแตกต่างกันไป แต่สำหรับผมแล้วจะมีเสียงเพลงอยู่หลายเพลงดังขึ้นมาอยู่ในห้วงความทรงจำของผมเสมอๆ เพลงนั้นเพลงนี้สลับกันไปเป็นอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลานึกให้เปลืองเวลาว่า มีเพลงไหนบ้างที่เกี่ยวข้องกับสายฝน ขอแค่ให้ยังได้ยินเสียงฝนอยู่เท่านั้นเป็นพอ เสียงบทเพลงคงทดแทนความรู้สึกชุ่มฉ่ำได้เพียงเปราะหนึ่ง แต่หากจะให้สัมผัสและรู้สึกได้จริงคงมีเพียงทางเดียวคือ "ก้าวไปสู่วันที่สายฝนพรำ" อัลบั้มนี้ผมขอพาเพื่อน ๆ นั่งเครื่องกลแห่งกาลเวลาไทม์แมชชีนย้อนกลับไปยังเดือนกันยายน 2555 เมื่อ 2 ปีก่อน การเดินทางเริ่มต้นขึ้นที่เมืองกรุงฟ้าอมรฯ ในช่วงเวลาประมาณบ่ายโมงขับรถสู่ จ.เชียงใหม่ ถึงประมาณช่วงหัวค่ำเพื่อหาที่พักนอนบริเวณด้านล่างอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ก่อนที่จะเริ่มเดินทางสู่เช้าวันใหม่ในวันถัดไป โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ อ.แม่แจ่ม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราออกเดินทางไปกันเลยครับ

เป็นเช้าอีกวันที่สดใสไม่ต่างอะไรกับทุกครั้งที่รู้ว่าประตูที่จะเปิดออกไปในวันนี้จะทำให้พบเจอกับความชุ่มฉ่ำ และอบอุ่นของธรรมชาติที่รอคอยอยู่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ จากเส้นทางด้านล่างของดอยอินทนนท์ ขับมาตามเส้นทางจนถึงแยกซ้ายตรงจุดตรวจเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อสู่ปลายทาง อ.แม่แจ่ม จะผ่าน "แม่กลางหลวง" ซึ่งเป็นที่เราแวะสัมผัสความสวยงามของการเดินทางในครั้งนี้ จอดรถจนได้ที่จากนั้นจึงหาร้านข้าวร้านกาแฟของชาวบ้านนั่งเพื่อจิบบรรยากาศยามเช้าสักหน่อย ที่มาด้วยกันก็นั่งอยู่ในร้านบ้าง ออกมาเดินถ่ายรูปเล่นบ้างแล้วก็กลับเข้าไปเพราะฝนตก คงมีเพียงแต่ผมที่ยังคงสะพายกล้องออกเดินหาความชุ่มฉ่ำเก็บภาพของธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าโดยลืมเวลาของอาหารเช้าไปแบบไม่รู้ตัว

ก้มมุมนั้นนิด มองไปไกลมุมนั้นหน่อย ก็มีอะไรให้มองให้เห็นได้อยู่ตลอด การเดินทางในแต่ละครั้งทำให้ได้พบเห็นอะไรใหม่ ๆ เสมอ ๆ ครั้งหนึ่งผมเคยมาที่แม่กลางหลวงแล้วเมื่อหลายปีก่อน วันที่รวงข้าวสีทอง... แต่ครั้งนี้เปลี่ยนภาพที่เคยเห็นเป็นทุ่งข้าวสีเขียวขจี ความสวยงามก็แตกต่างกันไป พื้นที่ที่ไม่กว้างใหญ่อะไรมากนักที่แม่กลางหลวง ทำให้มีเวลาเดินเล่นได้เรื่อยๆ ความสวยงามของแนวต้นข้าวที่ร่ายเรียงกันเป็นชั้นตามลำดับเป็นภาพที่สบายตา และสร้างความสดชื่นได้ง่าย ๆ ยิ่งลงตัวกับเช้าที่สดใสอย่างในวันนี้ ฝนยังคงตกปรอยๆ พรำๆ ไม่หนัก และหนาเม็ดมากนัก แค่เพียงคลุมกล้องด้วยแจ๊คเก๊ตตัวเก่งตอนเดินหามุม แล้วหยิบออกมากดเมื่อเจอมุมที่ถูกใจ แล้วก็คลุมกล้องอีกครั้ง ทำอย่างนี้สลับไปสลับมาอยู่นานสองนาน... ก็เดินถ่ายภาพได้เรื่อย ๆ โดยหมดปัญหาเรื่องอุปสรรคในการเก็บภาพ เวลาเกือบชั่วโมงที่แม่กลางหลวงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากเดินจนเริ่มรู้สึกได้ว่าควรแก่เวลาเติมพลังให้กับยามเช้าจึงกลับมานั่งพักเหนื่อย จัดการกับอาหารเช้าจนเสร็จสรรพ ก่อนจะขับรถต่อออกไปยังแม่แจ่ม โดยยังคงมีสองฝั่งข้างทางเป็นธรรมชาติที่สวยงามที่รอให้พบเจออยู่ในทางข้างหน้า ระหว่างทางที่ขับมาเรื่อย ๆ ก็เจอกับสายฝนลงมาบางช่วงก็หนัก บางช่วงก็เบา เส้นทางแม่กลางหลวงมุ่งหน้าแม่แจ่ม บางเส้นทางสภาพคดเคี้ยวและเป็นเส้นทางเล็ก หากเดินทางมาในหน้าฝนก็ควรเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเพื่อความปลอดภัย ...เก็บท้องฟ้าเบื้องบน ไว้ให้เป็นเหมือนเก่า เก็บภูเขาเรียงรายไว้ให้จรดฟ้าคราม เก็บหมอกงามยามเช้าจางๆ จับอยู่บนทิวเขางามๆ ให้ยิ่งงาม เมื่อแดดส่องไป สองภาพนี้คืออีกหนึ่งบทเพลงที่ดูจะเข้ากันได้ดีกับภาพที่บันทึกไว้ในตอนนั้น ความชุ่มฉ่ำเย็นที่รวมตัวจับกันเป็นไอหมอกสีขาวลอยตัวไปมาอยู่เหนือทิวเขาเบื้องหน้า กลายเป็นภาพที่งดงามเกินกว่าที่คาดไว้ ระหว่างสองข้างทางมีอะไรให้พบเห็น และแวะจอดรถถ่ายภาพได้เรื่อย ๆ บางเส้นทางอาจต้องระมัดระวังในการจอดสักหน่อย

ทิวเขาเบื้องหน้าแสดงออกได้ดีถึงความชุ่มฉ่ำจากสีเขียวที่ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ตั้งแต่ต้นหญ้าจนถึงต้นไม้ใหญ่ วันนี้ท้องฟ้าอาจไม่มีสีฟ้าสดใสเท่าไหร่นักตามสภาพอากาศ แต่การได้เห็นสีเขียว ๆ จากทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวกลับช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น และทดแทนให้มีความหมายขึ้นมาได้ไม่ยาก ปุยเมฆสีขาว เนินเขาสีเขียว เมื่อความสุขที่พบเห็นคือความง่ายดายของธรรมชาติ เรามองเห็นด้วยดวงตาของเรา แต่ความสุขเราจดไว้อยู่ในหัวใจ และห้วงความทรงจำ...หากเธอคิดพบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำตัวเองมืดมน อย่ากลัวฝนเพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำตามความคิดเดิม ...จากบทเพลงกล่าวไว้ถึงผู้หญิงที่กลัวความรัก จนต้องตั้งกรอบตีกรอบให้กับตัวเองต่าง ๆ นานา ... สุดท้ายก็ไม่ได้พานพบกับผู้ใด .. ไม่ต่างอะไรกับในวันนี้ที่ผม และเพื่อนเลือกที่จะออกมาเที่ยวกันแม้ในช่วงฤดูฝนอย่างนี้ก็ตาม...สายฝนเต็มที่ก็แค่เปียก หากไม่มากไปถึงกับท่วม แต่อาจมีบ้างที่ทำให้เดินทางไม่สะดวก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่สายฝนหยุดเมื่อนั้นต่างหากที่สายฝนจะสร้างทุกสิ่งให้สวยงาม...ลดกระจกหน้าต่างรถลงเปิดรับเอาไอเย็น และปรอยฝนเข้ารถมาตลอดทางที่ผ่านมา... เสียงเพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศมาตลอดทางค่อย ๆ ถูกหรี่ลงจนเบาไปในที่สุด ...เหลือไว้แต่เสียงจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์เพียงเท่านั้น

เส้นทางที่ขับมาเรื่อย ๆ นั้น .. ผ่านทัศนียภาพต่าง ๆ มากมาย แม้จะอยู่ในรูปแบบไม่ต่างกันทั้ง ภูเขาลูกใหญ่ เนินเขาลูกเล็ก ท้องฟ้า สายหมอก สายลม สายฝน แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะเบื่อหน่ายกับการจอดรถแวะถ่ายภาพแม้แต่น้อย ซ้ำกลับยิ่งทำให้หัวใจแห่งการเดินทางชุ่มชื่น และมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ แม่แจ่มเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ลักษณะพื้นที่โดยรวมเหมือนแอ่งกระทะที่มีภูเขาอยู่ล้อมรอบ ความสวยงามของแม่แจ่มไม่ได้อยู่ที่ทัศนียภาพแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้คน วิถีชีวิต แนวทางการสืบสานพื้นที่ทั้งที่อยู่ ที่อาศัย ตลอดจนวัดวาอารามต่าง ๆ ยังอยู่ในสภาพที่ไม่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากนัก ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และทัศนียภาพที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อย เหมือนการดูรายการโทรทัศน์แล้วภาพค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามเส้นทางต่างๆ สายลมที่พัดผ่านร่างกายทุกครั้งที่ยืนถ่ายภาพ ทำให้รู้สึกชื่นฉ่ำ และบอกกับตัวเองเสมอว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สวยงาม ย้อนถอยหลังกลับไปจากภาพชุดนี้ผมเคยเดินทางมาแม่แจ่มแล้วครั้งหนึ่งเป็นช่วงปลายปี ช่วงที่ทุ่งนาเป็นสีทองแต่ในวันนั้นบรรดารวงข้าว ต่าง ๆ ค่อย ๆ ทยอยถูกชาวนาเก็บไปจนเกือบหมดทุกแปลงแล้ว.. คงเหลือไว้เพียงบางแปลงที่รอการเก็บเกี่ยวนวดข้าวอยู่ ภาพในวันนั้นที่รอบ ๆ ตัวเป็นสีทอง หวนกลับมาในวันนี้ ต่างวาระกัน ต่างความงามกัน แต่เหมือนกันที่ "ความสุข" 

เมื่อขับมาถึงแม่แจ่มแล้วยังมีเส้นทางให้ขับรถเที่ยวได้มากมายตามถนนหนทางต่างๆ บางเส้นทางก็ขับไปออก จ.แม่ฮ่องสอน ได้เลย ที่พักในเมืองแม่แจ่มราคาถูกๆ ไม่แพงนัก นั้นมีอยู่หลายที่ แม้จะมีที่พักมากมายเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ถือว่าเยอะมากจนเกินไป หากเทียบกับสถานที่ยอดนิยมต่าง ๆ ที่เน้นไปในเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ที่แม่แจ่มนั้นยังคงรักษา และอนุรักษ์ไว้ได้ดี ...โดยมากแล้วพอย่างเข้าสู่ช่วงหน้าฝน นักท่องเที่ยวบ้านเราก็จะออกไปเดินทางกันน้อยลงด้วยเพราะเหตุผลต่าง ๆ  ทั้งเดินทางไม่สะดวก ท้องฟ้าไม่สดใส บางที่ฝนตกยากแก่การเข้าถึง แต่สำหรับที่แม่แจ่มเราสามารถขับรถมาที่นี่ได้อย่างสบายๆ ไม่มีเส้นทางขรุขระ หรือสมบุกสมบันให้ต้องกังวล  อาจมีสักนิดบางเส้นทางในแม่แจ่มที่เป็นทุ่งนาขั้นบันไดที่ในยามหน้าฝนอาจต้องใช้รถใหญ่เพื่อความปลอดภัย แต่หากไม่ได้อะไรมากแค่ขับรถเล่น รถเก๋ง 4 ล้อง่าย ๆ แค่นี้ก็ไปได้ทั่วแม่แจ่มแล้ว แวะร้านสะดวกซื้อ ซื้อเครื่องดื่มชนิดโปรด จิบเบา ๆ ระหว่างทางขับรถ ลดกระจกลง มองหามุมสวย ๆ จอดรถให้ปลอดภัย ลงไปเก็บภาพ ก้าวขึ้นรถ ขับรถต่อ เป็นเหตุการณ์ทำซ้ำ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลาย ๆ รอบ  ที่ดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อเลยแม้แต่น้อย ยังคงมีความสุขในการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์

...พวกพ้องที่มาด้วยกันต่างคนก็ต่างกิจกรรมกันไป คนหนึ่งลงรถไปพกแค่กล้องมือถือก็มีความสุข อีกคนหนึ่งลงไปไม่ทำอะไรยืนเฉย ๆ ก็ถือว่าทำเพราะได้ความสุขเหมือนกัน ... ถึงตรงนี้แล้ว "ความสุขอยู่ตรงหน้าอยู่ที่ใครพอใจแบบไหน.. ก็อยู่ที่ใครมากกว่า" สายฝนยังคงตก ๆ หยุด ๆ อยู่ตลอดเวลา แม้ท้องฟ้าจะเริ่มใสขึ้นมาบ้าง แต่บางทีก็ยังมีลมพัดปรอยฝนมาให้รู้สึกเปาะแปะ ๆ ได้อยู่เหมือนกัน เส้นทางที่เราขับมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงต้นๆ เป็นการเดินทางแบบเรื่อย ๆ หากเทียบเป็นเข็มนาฬิกาก็คงเป็นเข็มนาฬิกาที่เดินช้า ๆ อย่างสม่ำเสมอ .. มีหยุดเดินไปบ้างตามเวลาพักเหนื่อย แล้วก็เดินต่อ

ภูเขาลูกน้อยใหญ่ที่เรียงรายอยู่ข้างหน้าสร้างความอบอุ่นให้กับสายตา และให้รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเสมอ ๆ และแล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนโหมดทัศนียภาพจากเหล่าภูเขา เนินเขา และต้นไม้ จากวิวกว้าง ๆ ใหญ่ ๆ สู่โหมดทุ่งนาสีเขียว ๆ ในพื้นที่ไม่ต้องกว้างใหญ่มากนัก ท้องฟ้าเริ่มสดใสขึ้นมาบ้างในเวลานี้ ก่อนที่ล้อทั้ง 4 ของ Ford Everest คันเก่งจะค่อย ๆ หันหัวรถสู่อีกเส้นทางเพื่อเตรียมพบกับบรรยากาศในอีกรูปแบบ สำหรับผมจะคิดอยู่เสมอว่าเราทำอะไรตอบแทนให้ธรรมชาติได้บ้าง ทุกสิ่งที่ทำไปเวลาธรรมชาติมอบอะไรดีดีกลับคืนให้ ผมจะคิดเสมอว่านี่คือของขวัญจากธรรมชาติ เช่นเดียวกับเวลานี้ที่อยู่ดีดีท้องฟ้าก็เริ่มเปิด ให้เห็นสีฟ้าของท้องฟ้าอีกครั้ง.. หลังจากที่แทบไม่ต้องจำว่าตั้งแต่เช้าเห็นสีฟ้าของท้องฟ้าครั้งสุดท้ายตอนไหน ไม่มี แม้จะไม่ใช่ฟ้าที่อลังการ หรือมีเมฆโดดเด่นมากมายนัก แต่การได้เห็นแสงจากอาทิตย์ส่องลงมาบ้างย่อมทำให้ดีใจ และรู้สึกอิ่มขึ้นได้มากจากเดิม ความแห้งแล้งความชุ่มชื้นอย่างไหนที่เราชอบใจ ความร่ำรวยความยากจนอย่างไหนที่คนชอบกัน ...หลายคนรู้ดีว่าอะไรคือการรักษาธรรมชาติ รักษาสภาพแวดล้อม แต่หลายคนรู้แล้วไม่ทำ ... เข้าร้านซื้อของได้มา 2 ชิ้นบางคนก็ใส่ถุงพลาสติกกลับมา ... สิ่งเหล่านี้ที่หลายคนพลาดทั้งที่รู้ ... และสิ่งที่พลาดเหล่านี้ก็คือตัวชนวนที่ค่อย ๆ ทำร้ายธรรมชาติเข้าไปทีละเล็กละน้อย...ช่วงเวลาที่ท้องฟ้าเปิดในวันนั้น จวบจนวันนี้ผมยังไม่เคยลืม...

เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ราว ๆ 20 นาทีน่าจะได้ ก่อนที่ท้องฟ้าใส ๆ จะหายไป คิดแล้วก็น่าตลกที่ทำไมหนออยู่ดีดีฟ้าถึงเปิดให้เราในวันนั้น แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะหาคำตอบ เพราะวันนั้นเราใช้เวลาตรงนั้นได้อย่างคุ้มค่าแล้ว แม้จะเป็นการเดินทางง่าย ๆ ไม่ได้บุกป่าฝ่าดง ไม่ได้ลุยอะไรมาก เนื้อตัวไม่เปรอะ เต็มที่เสื้อผ้าก็แค่เปียก จากเวลาที่ยาวนาน กับวันวานที่เลยไป จะมีภาพที่ใจยังจดยังจำไว้ทุกคืนวัน ผ่านไปเร็วดูราวเหมือนฝัน ภาพความหลังครั้งนั้นไม่เคยเก่า ย้ำและเตือนในหัวใจเราตลอดเวลา ขุนเขาที่กว้างใหญ่ ภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป จุดกำเนิดของต้นน้ำสายน้ำสำคัญที่ไหลผ่านหล่อเลี้ยงชาวเมืองแม่แจ่มยังคงเลี้ยงดู และอุ้มชูชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวทั้งไปและมาอยู่เสมอ ความสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้นมีการผลัดเปลี่ยน ไหลเวียน และวนกลับสู่ที่เดิมเสมอ จะมีเพียงสองสิ่งที่ไม่หวนคืนก็คือ "เวลา และสายน้ำ" ที่เดินไปแล้วที่ไหลผ่านไปแล้วก็เลยไป เหลือไว้แต่ความทรงจำ เก็บเอาไว้ให้เธอ ไว้ให้เธอชื่นชม ว่ามันสวยรื่นรมย์ สวยเกินกว่าพูดไป อยากให้เธอมาเห็นด้วยกัน อยากแบ่งปันความสวยในใจ ไว้ให้เธอ ให้เธอผู้เดียว ความสุขในการค้นหาความงดงาม และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติคงไม่มีค่าอันใดเลย หากเราไม่ใส่ใจ ไม่หวงแหนไว้

แต่หากเรามีหัวใจที่งดงามพอที่จะใส่ใจดูแลรักษา ไม่ว่าเป็นการเดินทางสู่ที่ไหนๆ ความสมบูรณ์แบบ ณ ที่แห่งนั้นจะยังคงทะนุถนอมตัวเองไว้ และรอคอยให้เราทุกคนต่างออกเดินทางไปค้นหา โลกสวยงามด้วยความรัก ขอเพียงแค่เรารู้จักช่วยกันดูแลรักษาเรื่อยไป อย่าให้เธอถูกทำร้าย พรุ่งนี้เรายังต้องอยู่หายใจ มีชีวิตในโลกนานเท่านาน การเดินทางครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ได้รับความสุข และความเบิกบานมาอย่างเต็มอิ่ม หากเทียบกับอาหารสักจาน คงเป็นอาหารจานง่ายๆ ที่ค่อย ๆ ละเมียดในการตักเข้าปากทีละคำ จากคำสู่คำไปเรื่อย ๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็คือตอนท้องอิ่ม และเวลาก็ทำให้ความอิ่มค่อย ๆ จางหายไป ก่อนจะต้องตักหาความสุขชิ้นใหม่ จานใหม่.. เพื่อทดแทนพลังงานที่ขาดหายไป จะเป็นที่ไหนนั้นเจอกันใหม่อัลบั้มหน้านะครับ ปิดท้ายการเดินทางสู่เมืองแม่แจ่ม 2 ปีนับจากปี  '55 ถึงปีนี้ '57 ภาพทุกอย่างในวันนั้นยังคงเก็บไว้อยู่ในประสบการณ์ภาพจำที่สวยงามเป็นอย่างดี รอสู่วันที่สวยงามอีกครั้งเพื่อมีสักวันจะได้เดินทางกลับไปยังเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ "แม่แจ่ม" ขอบคุณเพื่อนร่วมทางในวันนั้น ทั้งเพื่อน ทั้งน้อง .. 4 5 6 คน .. เป็นการเดินทางที่สวยงามมาก และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมอัลบั้มภาพชุดนี้กันนะครับ .. ฝากธรรมชาติไว้ให้ช่วยกันดูแลด้วยนะครับ ^^

เรื่อง/ภาพ : Forzanu  : https://www.facebook.com/Forzanu

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)


ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!

อัลบั้มภาพ 109 ภาพ

อัลบั้มภาพ 109 ภาพ ของ “แม่แจ่ม” คืนวันฟ้าสั่งฝน เคล้าสายลมชุ่มฉ่ำเย็น วันฝนพรำกับบันทึกภาพวันวาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook