เที่ยวจันทบุรี เดินเล่นริม“จันทบูร” กับความทรงจำไม่มีวันจาง

เที่ยวจันทบุรี เดินเล่นริม“จันทบูร” กับความทรงจำไม่มีวันจาง

เที่ยวจันทบุรี เดินเล่นริม“จันทบูร” กับความทรงจำไม่มีวันจาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรุงเทพฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ภาพความศิวิไลซ์ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า ผู้คนเดินเบียดเสียด และรถติดยาวเหยียดสุดสายตา ก็ถูกแทนที่ด้วยความเรียบง่ายของ "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" ชุมชนเล็ก ๆ ที่แฝงตัวอยู่กลางใจเมืองจันทบุรี ที่ซึ่งเราอยากให้คุณได้มาใช้ชีวิตอย่างเนิบช้า เพื่อจะพบว่า 1 วันในชุมชนแห่งนี้มีความสุขเล็ก ๆ ซุกซ่อนอยู่ให้หอบกลับมาเก็บไว้ในกล่องความทรงจำและยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเมืองจันท์


รื้อฟื้นวันวานที่งดงามชุมชนริมน้ำจันทบูรตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรี บนถนนสุขาภิบาล ที่เดิมมีชื่อว่า "ถนนเลียบนที" ถนนสายแรกของจังหวัดที่มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร  ทั้งสองฟากฝั่งถนนเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนไม้เก่าแก่และอาคารร้านรวงแบบโบราณมากมาย ชวนให้ผู้มาเที่ยวชมไม่รอช้าที่จะหยิบกล้องขึ้นลั่นชัตเตอร์บันทึกความทรงจำกันตั้งแต่แรกพบ คงมีน้อยคนนักที่รู้ว่า ในอดีตเมื่อราว 300 ปีก่อน สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชุมชนแห่งนี้เป็นทำเลทองของเมืองท่าการค้า และความรุ่งเรืองยังคงสืบเนื่องมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะช่วงรัชกาลที่ 3 จนถึงรัชกาลที่ 5 ถือเป็นยุครุ่งเรืองสูงสุดของเมืองจันทบูร ในแต่ละวันมีพ่อค้าชาวจีนเดินทางหลั่งไหลมารับสมุนไพร เช่น กระวาน พริกไทย เครื่องเทศต่างๆ ไปขาย ขณะเดียวกันพ่อค้าเหล่านี้ก็นำผ้าไหมและสิ่งของจากจีนเข้ามาขายคนไทยด้วย  ต่อมาเมื่อการคมนาคมทางบกพัฒนามากขึ้น ประกอบกับการขยายเมืองและปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ เมืองจันทบูรจึงถูกลดบทบาทลง เป็นเพียงเมืองท่าที่เคยรุ่งเรืองในอดีตเท่านั้น 

>>>ซึมซับวิถีจันท์


ผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนริมน้ำจันทบูรมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน และญวน สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยจันทบูรยังเป็นเมืองท่าการค้า ที่ทั้งคนจีนและคนญวนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ทว่าความหลากหลายทางเชื้อชาติไม่ได้ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนแตกต่างกัน พวกเขาอยู่อย่างเรียบง่ายร่วมกันในชุมชน และสามัคคีกลมเกลียวกันเพื่อสงวนรักษาชุมชนไวและเราผู้มาเยือนหากอยากเรียนรู้จักวิถีชีวิตในชุมชนแห่งนี้ ก็ต้องไปเดินเที่ยว "สามย่าน" ริมฝั่งน้ำ ด้วยพื้นที่ของชุมชนริมน้ำจันทบูรนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ย่านท่าหลวง ย่านตลาดกลาง และย่านตลาดล่าง ซึ่งแต่ละย่านก็มีความน่าสนใจต่างกัน ไปเริ่มต้นกันที่ย่านท่าหลวง  ในอดีตท่าหลวงคือท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ริมแม่น้ำจันทบุรี และเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ราชการ รูปแบบอาคารในย่านนี้จึงมีลักษณะคล้ายๆ กัน  อาคารบ้านเรือนเหล่านี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นที่อยู่อาศัยสืบช่วงกันมาหลายรุ่น  จนปัจจุบันเจ้าของอาคารบางหลังก็เปิดให้ผู้คนเช่าอาศัย บ้างเปิดให้คนรุ่นใหม่เช่าทำธุรกิจร้านอาหาร ขณะที่บางหลังก็ยังคงเป็นที่พักอาศัยอยู่ อย่าง บ้านฉั่วเซ้งฮวด เจ้าของบ้านคือ อาแปะเซ่งซัว แซ่ฉั่ว อายุ 87 ปี ชาวจีนซึ่งอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาในไทยกับบิดามารดาตั้งแต่อายุ 6 ขวบบ้านหลังนี้มีอายุกว่า 100 ปี เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณามาหลายเรื่อง เช่น ละครเรื่องไฟอมตะ หรือล่าสุดละครประวัติศาสตร์ชั้นยอดเรื่องบุญผ่อง  

นอกจากนี้อาแปะเซ่งซัวยังมีงานอดิเรกคือการเล่นเกมปริศนาตารางตัวเลข หรือซูโดกุ (Sudoku) ซึ่งเป็นเกมที่ได้ชื่อว่าเล่นยากและท้าทายสมอง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจแวะขอถ่ายภาพอาแปะไว้สักภาพ หรือไม่ก็ขอความรู้ในการเล่นโดยลงไปร่วมนั่งเล่นเลย ถัดจากบ้านฉั่วเซ้งฮวด ยังมีบ้านเรือนเก่าแก่ รวมทั้งตึกโบราณแบบชิโน-โปรตุกีส ให้คุณเดินชมเพลินๆ ทั้งฝั่งซ้ายและขวา   จากบ้านอาแปะเลยมาสัก 50 เมตร กลิ่นหอมๆ ของกวยจั๊บทำให้พวกเราต้องสะดุดหยุดลงที่ ร้านก๋วยจั๊บป้าไหม( เปิดบริการเวลา 08.00-15.00 น. โทร. 08-1421-6451) กวยจั๊บโบราณที่เปิดขายมากว่า 50 ปี โดยมีเคล็ดลับทำให้น้ำแกงมีรสชาติเข้มข้นหอมอร่อยคือการเคี่ยวบนเตาถ่าน  ลงนั่งปุ๊บพวกเราก็สั่งบะหมี่ เส้นใหญ่ เส้นหมี่ มาชิมกันคนละชามสองชามเป็นมื้อเช้า ก่อนเดินทอดน่องท่องย่านตลาดกลางกันต่อ จากเรือนแถวไม้เรียงราย หากเริ่มเห็นตึกและอาคารพาณิชย์สูงใหญ่ นั่นถือว่าคุณกำลังเข้าสู่ย่านตลาดกลาง  เดิมทีย่านนี้เป็นย่านการค้า ศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างคนไทยกับคนจีน มีท่าเรือสำหรับการคมนาคมขนส่งหลายท่า อีกทั้งบ้านเรือนแถวไม้อีกหลายหลัง ที่ในปัจจุบันมีการสร้างอาคารพาณิชย์ขึ้นมาทดแทน เนื่องจากเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ในย่านนี้เมื่อปี 2533  

แม้ย่านนี้จะไม่มีบ้านเก่าให้เที่ยวชม แต่ก็มีร้านอร่อยให้แวะชิม อย่าง ร้านยินดี ที่มีกาแฟสด โกโก้ปั่น น้ำผลไม้ปั่น ให้ดื่มเพิ่มความสดชื่น แกล้มขนมปังปิ้งที่ปิ้งกันใหม่ๆ หอมๆ แล้วค่อยเดินต่อสู่ย่านที่ 3ย่านตลาดล่าง ย่านท้ายสุดในพื้นที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร  ครั้งอดีตบ้านเรือนในย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัยมากกว่าอาคารร้านค้า แต่ละหลังจึงมีลักษณะการปลูกสร้างแตกต่างกันไปตามฐานะของเจ้าของบ้าน อย่างเช่น "บ้านขุนอนุสรสมบัติ" ที่เรียกกันว่า บ้านเรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นบ้านเก่าของคหบดี รูปแบบบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ดูทันสมัย มีการนำสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลเข้ามาผสมผสาน  ปัจจุบันภายในบ้านหลังนี้มีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายและเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของชุมชนริมน้ำจันทบูรไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมและเผยแพร่ความรู้ของชุมชนให้แก่เยาวชนและนักท่องเที่ยวด้วย อีกจุดที่น่าแวะคือ ร้านขายยาจังกวงอัน ร้านขายยาจีนที่มีชื่อเสียงร้านแรกๆ ของจังหวัดจันทบุรี เปิดขายมากว่า 100 ปีแล้ว  ปัจจุบันอาม่าปุ๋ย หรือ ประไพพรรณ จันทศาศวัต วัย 84 ปี เป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากบิดา  ร้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง เหนือประตูมีไม้ฉลุลายสวยงาม ภายในร้านมีสิ่งของเครื่องใช้ที่น่าสนใจเป็นพิเศษอยู่หลายชิ้น นักท่องเที่ยวมักแวะเข้ามาพูดคุยและขอชม อย่างเครื่องชั่งยาโบราณที่ทำมาจากทองเหลือง ตัวตาชั่งมีคาน 2 ข้าง คานข้างหนึ่งมีที่สำหรับวางตุ้มน้ำหนักตามที่เราต้องการชั่ง ส่วนคานอีกข้างมีที่สำหรับวางยา เมื่อคานทั้งสองข้างอยู่ในระดับสมดุลกัน แสดงว่ายาที่ชั่งตวงนั้นมีน้ำหนักตามที่เราต้องการแล้ว  นอกจากนี้ก็มีตู้ยาโบราณที่ยังใช้งานได้ดี ด้วยมีลิ้นชักจำนวนถึง 36 ลิ้นชัก รวมทั้งมียาสมุนไพรจีนไม่น้อยกว่า 200 ชนิดเลยทีเดียวเดินเที่ยวกันจนเหนื่อย ท้องเริ่มร้องเรียกหาอาหารมื้อกลางวัน พวกเราเลยแวะที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊อี๊ด (เปิดบริการเวลา 10.00-15.00 น. โทร. 0-3931-4738) ที่เปิดขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลมากว่า 10 ปี ด้วยรสชาติจัดจ้านของน้ำต้มยำ และเพิ่มความพิเศษด้วยของทะเลสดๆ อย่างกุ้งตัวใหญ่ๆ ปูก้ามโตๆ และเนื้อกั้งซึ่งใส่มาแบบไม่ยั้ง ในราคาเป็นกันเอง เก้าอี้ของร้านนี้จึงไม่เคยว่างตั้งแต่ร้านเปิดจนร้านปิด

>>>ยลความงาม ของโบสถ์คริสต์เมืองจันท์ (เปิดให้เข้าชมเวลา 08.30-16.30 น.)


บริเวณใกล้เคียงชุมชนริมน้ำจันทบูรมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ซึ่งคุณต้องไปเยี่ยมชมกันให้ได้  เพียงแค่เดินข้ามสะพานนิรมลบริเวณย่านตลาดล่างไปเท่านั้น คุณก็จะได้พบกับ "โบสถ์คริสต์เมืองจันท์" แล้วโบสถ์คริสต์เมืองจันท์ หรืออาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธิ-นิรมล เป็นวัดเก่าแก่ของคนญวนที่นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมัน-คาทอลิก สร้างขึ้นเมื่อปี 2254 นับถึงปัจจุบันก็มีอายุกว่า 300 ปี เนื้อที่ภายในโบสถ์กว้างถึง 20 เมตร ยาวถึง 60 เมตร บรรจุคนได้ถึง 800-900 คน อาสนวิหารหลังนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโบสถ์น็อตร์ดามที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส (Cathédrale Notre-Dame de Paris)  รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบกอทิก มีหลังคาสูงแหลม ภายในประดับด้วยกระจกสีดูงดงาม รวมทั้งลายปูนปั้นสวยงามสะดุดตา  ด้วยความงามโดดเด่น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จึงได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า สัญญาณการจากลากำลังจะมาถึง เราอยากให้เข็มนาฬิกาหมุนช้าลงอีกสักนิด เพื่อจะได้เสพมนต์เสน่ห์แห่งพิพิธภัณฑ์มีชีวิตริมน้ำจันทบูรได้อีกสักหน่อย ภาพความทรงจำถึงเรือนไม้เก่าอันงดงามและวิถีชีวิตอันแสนสงบนอกจากไม่มีวันจางแล้ว ยังจะได้แจ่มชัดทุกครั้งคราเมื่อระลึกถึง 

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ ของ เที่ยวจันทบุรี เดินเล่นริม“จันทบูร” กับความทรงจำไม่มีวันจาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook